ละคร........
กระแสสังคม....
กับตัวคุณ.




สถานะเพื่อนๆแต่ละคน ช่วงนี้
แทบทุกแขนง การสื่อสาร ในโลกไซเบอร์ 
พูดถึงละครเรื่องนี้ๆนั้นๆ 
กันให้พลั่ก,
อินซะเหลือเกิน....
สงสาร......
รัก.....
เกลียด....
หรือ ทำไมช่างโง่......?.....
ฉันจะฆ่ามัน !!!!
.....จะใคร ก็ว่ากันไป 
ตามแต่บทบาทการแสดง

ทำให้ดิฉัน ได้ทราบเรตติ้งละครทางอ้อมอีกทาง
อยู่ไกลแค่ไหน ก็ไม่พลาด "  กระแสละครไทย "

การตัดสินใจเลือกรับชมละคร 
ของคนไทยเรานั้น 
ส่วนหนึ่ง อาจขึ้นอยู่กับ....

หลักทัศนะคติ เป็นหลักใหญ่

@ทัศนะคติ ต่อตัวบุคคล(นักแสดง)

น่าจะเป็นการตัดสินใจแรกๆ ของใครหลายๆคน

" ใครนะ? "
" คนนี้เล่นด้วย? " 
" ไม่เอา ฉันไม่ดู เกลียดผู้หญิงคนนี้ " 
" ไม่เอา ไม่ชอบ เล่นไม่เก่ง "  
" เบื่อ ซ้ำๆหน้า ไม่ดู" 
ราวๆนี้ เป็นต้น 

รวมถึงข่าวคราว ของตัวนักแสดงคนนั้น
นอกเหนือจากการประกอบอาชีพ 
ไม่ว่าจะไปที่ไหน ทำอะไร
ด้านดี ,บวก-ลบ,ฉาวโฉ่ ความประพฤติตน 
การวางตัวที่ดี ย่อมถือว่า
มีผลต่อการตัดสินใจ ของตัวผู้ชม 
อยู่ไม่น้อย..

ณ ตรงจุดนี้เอง ที่ทางผู้จัดฯ ผู้บริหารสถานีฯ 
ต่างจ้องจับจอง นักแสดงชื่อดัง
มาครอบครอง และให้มีส่วนร่วม
ในการผลิตละครของตน อยู่เสมอ

@ทัศนะคติ ต่อช่องทาง การสื่อสาร

คือ คนบางกลุ่ม จะปิดกั้นตัวเอง ที่จะเลือกรับชมละคร
เพียงบางช่อง บางสถานีฯเท่านั้น 

ผลพวงภาพลักษณ์ ของสถานีฯ ที่นำเสนอ 
ในเรื่องของรูปแบบละคร ที่ซ้ำแนวเดิม 

หรือการสร้างความแปลกใหม่ นอกกรอบ แหวกแนว
ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะสามารถสร้างความดึงดูดผู้ชม
ให้สนใจติดตามเช่นกัน

@ทัศนะคติ ด้านของตัดสินใจเลือก 
จากค่ายละคร หรือผู้จัด

กระแสตอบรับของละครที่โด่งดัง 
ย่อมเป็นหน้าเป็นตาของค่ายละคร นั้นๆ

ขึ้นชื่อว่า ผู้จัดไฟแรง ค่ายละครชื่อดัง
มันอดไม่ได้เชียว ที่ต้องติดตาม 
โดยปัดความสนใจ ภาพพจน์ของตัวนักแสดง 
ช่องทางออกอากาศ 
และเนื้อหาละคร ให้อยู่นอกกรอบ
การตัดสินใจไปซะ 

@ติดตาม เลือกที่จะชม จากกระแสข่าว
และเรตติ้ง ที่ผู้คนพูดถึงกันหนาหู

ไม่ว่าจะ จากเพื่อนฝูง กลุ่มเพื่อนร่วมงาน
ข่าวทีวีบันเทิง หนังสือพิมพ์ หรือในทุกช่องทาง..

เมื่อเสพข่าวนั้นๆ ทำให้เกิดปฏิกิริยา
ความอยากรู้ อยากเห็น ต่อตัวบุคคล เนื้อหา 
สร้างผลต่อเนื่อง ของการติดตามละครนั้น
เกิดขึ้น โดยไม่รู้ตัว.


ตัวดิฉันเอง ต้องยอมรับค่ะว่า 
คนไทยบางกลุ่ม ยังยึดติดมุมมองเดิมๆ 
และคอยที่จะจ้องจับผิด มากกว่าชมเพื่อ
สร้างความบันเทิงให้กับตัวเอง 

หลายคน ที่ดิฉันรู้จัก มักจะตัดสิน 
จากภาพลักษณ์ การโฆษณา 
ตอนตัวอย่างของละคร
ก่อนที่จะได้ชมเต็มๆ ด้วยซ้ำ 

ดิฉันคิดว่า คนไทย ผู้รัก และชื่นชม ศิลปะการละคร
หรือไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดๆก็ตาม 
น่าจะคิดมาทางเดียวกับดิฉัน 
คือ...เมื่อดูละคร ก็ต้องติดตาม.

ละครเพียงหนึ่งฉาก หรือหนึ่งบท
ไม่สามารถ สรุป หรือตัดสินได้ว่า 
ละครเรื่องนั้นๆ เป็นละครที่ดีหรือไม่

เมื่อคุณได้ชมผ่านตาไปหนึ่งฉาก
แล้วทำให้คุณรู้สึก คิดไปว่า....
มันช่างแย่ และเลวร้าย รับไม่ได้ ไม่เห็นด้วย
และส่อตัวอย่างพฤติกรรมที่ไม่ดี 
ดิฉันหวังว่า คุณอย่าเพิ่งด่วนสรุป
ตัดสิน ว่าละครเรื่องนี้ เป็นละครที่ไม่ดี เลยค่ะ 

หรือกรณี...
ละครเรื่องนี้ ไร้สาระ ปัญญาอ่อน 
ก็นั่น แสดงให้เห็นว่า 
คุณอาจไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของผู้ผลิต 
ที่เขาสร้างเพื่อให้ผู้คนที่มีวัยวุฒิ ความสามารถ
ในการเข้าใจเนื้อหา ได้น้อยกว่าคุณ 

ถ้าเขาทำอะไรยากๆ เนื้อหาสูงเกิน 
ประชาชนกลุ่มนี้  ที่ขาดการศึกษา 
ก็ยากที่จะเข้าใจ และจับจุดประสงค์
ที่ผู้ผลิตต้องการสื่อให้เห็น นั้นไม่ได้ 
และเมื่อไม่เข้าใจ 
ก็ไม่ติดตาม เลือกที่จะไม่รับชม 
ทำให้ละครเรื่องนั้นไม่ประสบความสำเร็จ


การสื่อสารด้านการละคร ในสมัยปัจจุบันของไทย
หรือเรียกอีกด้าน ว่า  " พัฒนาการ ของการละครของไทย"

ทำไมทุกวันนี้ คนบางกลุ่ม 
เห็นว่า....มันช่างแรง ช่างกล้านำเสนอ 
สร้างภาพกันให้เห็นจริง

โอ้ย ทำไมมันซับซ้อน ซ่อนเร้น 
ไม่พูดตรงๆ สื่อกันตรงเกิน มากสเต็ป 
กว่าแต่ก่อน 

นั่น อาจเป็นเพียง การปรับเปลี่ยน เพื่อให้ทันโลก 
ทันสมัย ในสังคมปัจจุบัน ให้มากขึ้น ก็เท่านั้นเอง 

การสร้างละครนั้น 
ผู้จัดฯ ผู้บริหารหลักๆ 
เขาย่อมคำนึงถึงกลุ่มผู้ชม 
มีการประเมินการตลาด และปัจจัยหลายด้าน 
ด้วยเช่นกัน

ละครแต่ละเรื่อง 
ต้องผ่านหลายขั้นตอนการกลั่นกรอง 
หลายฝ่าย ทั้งองค์กรส่วนร่วม 
ที่มีบทบาท 
ต้องคัดสรร 
ผ่านการพิจารณากันแบบละเอียดยิบ  
ตั้งแต่ตัวนักแสดง เนื้อหา 
องค์ประกอบทั้งหลายที่เกี่ยวข้อง แม้แต่
เรื่องของ วัน เวลา ที่จะนำออกอากาศ
ถ่ายทอด ออกสู่สายตาประชาชน 

กลุ่มบุคคลเบื้องหลังทั้งหมดทั้งหลาย 
ไม่สามารถ ที่จะกระทำอะไรได้ตามอำเภอใจ 
เพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ...
โดยไม่ผ่านการกรั่นกรอง
ไม่มีการปรับเปลี่ยน 
แต่งเติมเนื้อหา ให้เหมาะสมซะก่อน 
แล้วออกอากาศไปเลย...

...............................................................................

ดิฉันเปรียบการชมละคร 
เข้ากับวงจรชีวิตสังคมของคนเรา

มันไม่ยาก และไม่แปลก ที่คุณคิดจะเปรียบเทียบ...
การที่เราคิดจะคบใครก็ตาม 
อย่ารีบด่วนตัดสิน เพียงช่วงขณะสั้นๆ ของเวลา

ชีวิตจริง ย่อมเหมือน ฉากๆหนึ่ง ในละคร
คนดี ไม่ได้หมายความว่า เขาทำดีให้คุณเห็น
คนเลว นิสัยแย่ คงเช่นกัน

เพียงจุดหนึ่งที่เขาเลว 
ไม่ได้หมายความว่า 
เขาเป็นคนไม่ดี..
ภาพๆหนึ่ง ที่เขาแสดงออกว่าดี 
ใช่ว่า เขาเป็นคนดีเสมอไป.

ดูละคร ต้องดูให้จบ  
ดูเพื่อความบันเทิง 
อย่าด่วนตัดสิน และสรุป.
แต่ จงคิดกรั่นกรองในกระบวนการสุดท้าย 
ของการรับชมของคุณ
เพื่อนำมาปรับใช้ 
และเลือกแต่ตัวอย่างที่ดีมาผสมผสานกับชีวิตจริง 
ให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและสังคมให้มากที่สุด.

สุดท้าย และท้ายสุด 
ณ จังหวะการเขียนเรื่องนี้ ตอนนี้
สิ่งที่อยากฝากไว้ 
คือเรื่องของคำเตือน ก่อนรับชม 
เช่น เหมาะสำหรับผู้ชมอายุตั้งแต่กี่ปีขึ้นไป 
เพศไหน วัยใด.....
ถ้าเราผู้ที่เป็นผู้ใหญ่พอ เปิดใจกว้าง
และให้คำแนะนำกับเยาวชนตามคำเตือนนั้น 
ดิฉันคิดว่า...
คงไม่ส่งผลให้เด็กๆและเยาวชนของคุณเสียหาย 

ผู้ชมส่วนใหญ่ ที่มีวุฒิภาวะพอ คงไม่ปล่อยให้เด็กและเยาวชนของคุณ
เสพติดละครนั้นๆ โดยขาดการแนะนำ และปล่อยเลยตามเลย 
ถ้าคุณขาดความรับผิดชอบ ณ จุดนี้ 
คุณก็ไม่สามารถตัดสิน และพูดได้เต็มปากว่า
" ละครเรื่องนี้ เรื่องนั้น
มันทำให้ลูกฉันเสียคน" 


ตอนนี้ เป็นเพียงอีกมุมมองหนึ่ง
ที่อยากเล่าสู่กันฟัง
ซึ่งอาจเป็นความเข้าใจเล็กๆ 
เมื่อเทียบกับความเข้าใจทั้งหลาย ทั้งหมด
ของคำว่า " ละคร"

ขอพระเจ้าอวยพรผู้อ่านทุกท่านค่ะ
AMEN.



ขอขอบคุณภาพประกอบ
http://www.gotoknow.org/  








ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วันนั้นถึงวันนี้ กับคำว่า "ดารา" ตอนที่ 1