First year in France...
หนึ่งปีแรก ในฝรั่งเศส


ตอนที่ 1 
ช่วงแห่งการเริ่มต้น



ครบหนึ่งปี ณ 21 มีนาคม 2013






ทำไมถึงย้ายถิ่นฐาน?
ทำไมถึงอยู่ที่นี่?
มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
จะกลับเมื่อไหร่?
เมื่อไหร่จะลงตัว?
ตอนนี้เลือกที่จะทำอะไร?
อนาคตคิดจะทำอะไร?
เกิดอะไรขึ้นบ้าง? 


ทั้งหมดเหล่านี้
เป็นสิ่งที่เคยมีคำตอบให้กับตัวเอง
หนึ่งปีผ่านไป มองกลับไปดูได้ว่า
คำตอบ เราไม่ได้เป็นฝ่ายเลือก
และกำหนดเดินด้วยตัวเองซะเลย

แปลกมากว่าสิ่งที่ได้สัมผัส
สิ่งที่ทำให้เรา เข้าใจลึกซึ้งขึ้น
ช่วงหนึ่งปีที่อยู่ ที่นี่

กลับเป็นภาพร่าง
ในอดีตทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว
เพื่อน การงาน สังคมฯ




AIR-FRANCE 
เป็นสายการบินเดียวที่มาปารีส
และตรงต่อไปยังภาคใต้โดยไม่ต้องวุ่นวาย
กับสัมภาระให้กังวลใจ 
ณ เวลานั้น ไม่แน่ใจ
และไม่คิดว่าจะมาอยู่ที่เมืองหลวง 




ภาพนี้ เป็นแค่ช่วงแห่งการเยี่ยมเยือน และแฝงคำอธิษฐานไว้ในใจเสมอ  



ปารีส มีห้องเล็กๆ ของแม่สามี
ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่เล็ก เหมาะกับครอบครัวลูกหนึ่ง
เธอทำงานกับกระทรวงกลาโหม
ของฝรั่งเศสมาร่วม20 ปีเห็นจะได้
กระทั้งปีที่เราเดินทาง ย้ายครอบครัวมา
แม่สามีเกษียณ เธอเหนื่อยที่จะใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนี้
หลายๆเหตุผลที่คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า
กับสุนัขตัวเบ้อเร่ออีกหนึ่งตัว

เธอจึงยื่นเรื่องที่จะคืนห้องพักให้กับกระทรวง
ในอีกเดือนสองเดือนข้างหน้า

อยู่ภาคใต้ ชนบทที่นี่ ก็เงียบ สวยงาม 
กับครอบครัวพ่อสามีที่น่ารัก ห่วงใย
ด้วยความที่สามีต้องกระตือรือร้นหางานทำ 
มันลำบาก และยากที่จะได้งานในเงินเดือนที่พอใจ
ณ ตอนนั้น ยังไม่รู้ว่าจะได้ทำงานจังหวัดใด 
ใช้ชีวิตด้วยความกังวล แอบร้องไห้แทบทุกคืน
ยังไม่รู้ และกำหนดได้ ว่า
ส่วนไหน ภาคพื้นที่ใดของประเทศ 
ที่เราต้องมีการย้ายอีกครั้ง 

ภาพคร่าวรวม ของถนนในหมู่บ้านชนบท


อยู่ที่นั่น อาศัยว่าว่าง และไม่มีอะไรทำมากนัก
ทำให้เราได้เจอสถานที่ ที่ชอบที่สุด นั่นคือ
โบสถ์ประจำหมู่บ้าน  อ้างว้างในสายงาน
รอเส้นทางเดินที่มั่นคงของครอบครัวเรา
ทำให้มีโอกาส เข้าไปภาวนา อธิษฐานถึงพระเจ้า
อยู่เป็นนิจ อธิษฐานวันแล้ววันเล่า

ในโบสถ์มีพระเยซูเป็นหลัก ด้านข้างมีพระแม่มารี ซึ่งคนส่วนมากที่นี่ เป็นคาทอลิก 


เหตุกาลกลับตาลปัตร
หลังจากวันจดทะเบียนสมรส
ที่อำเภอในหมู่บ้านเล็กๆ 

เราแต่งตัวซะให้สวยอยู่ห้องชั้นบน
คุณสามีแกก็คุยกัยเสียงโหวกเหวก
กับพ่อของเขาอยู่ด้านล่าง

โทรศัพท์มือถือของสามีดังขึ้น
คิดในใจ " เอ เราจะรับดีมั้ย "
ภาษาฝรั่งเศสก็ไม่ได้ซะเลย
แต่สามีเคยสอนไว้ ไม่รู้ยังไง
ตัดสินใจรับ บนพื้นฐานของความไม่แน่ใจ
" ขอให้เป็นงานของสามีโทรเข้ามาเถอะ "

"บงชู้....(รู้แต่ว่าขอสายสามี ไม่พูดอะไรต่อไม่ได้เลย)
" อาต้องเด่ เซวูลเปร่ "( ได้โปรดรอสักครู่)

เดินเอาไปให้สามีด้านล่าง
เราก็ขึ้นมาแต่งตัวต่อ

ลงไป สามีบอกก่อนออกเดินทางไปอำเภอ
" เราย้ายเข้าปารีสกันคืนนี้ " 
หลังจากได้ยิน ดีใจมากๆ แต่ยังไม่รู้เลย
เพราะสามีบอกแค่นัดสัมภาษณ์
เราต้องเสี่ยงที่ต้องคิดว่า...ได้แน่นอน



ปารีสเขตไหน ต้องขอบคุณพระเจ้า
บริษัทที่สามีตกลงได้เข้าทำงาน หลังจากวันสัมภาษณ์
อยู่เขตเดียวกันกับที่พักของแม่แก
เดินไปทำงานยังได้ อะไรจะโชคดีปานนั้น

แม่สามีต้องทำเรื่องเอกสารที่พักใหม่ทั้งหมด
พอครบกำหนดเกษียณ แม่กับสุนัขที่รักของเรา
โยกย้ายไปอยู่สเปน เป็นอันเรียบร้อย

นี่คือเหตุที่เราทั้งหมด ที่เรามาอยู่ปารีส
คงไม่ใช่แค่หน้าที่การงานของสามี
กับดิฉันเอง ก็ยังมีโอกาสดีๆหลายอย่าง
ได้พบเพื่อนๆ พี่คนไทยด้วยกัน มากมาย 
มีสังคมที่พี่งพา ทำกิจกรรมดีๆร่วมกัน 
ความตั้งใจหลายอย่างที่เราอยากทำ 
ดิฉันยังไม่หยุดที่จะอธิฐาน และคงตัวเอง
อยู่ในความเหมาะสม ไม่ใจร้อน รีบทำอะไรข้ามขั้นตอน
มันจะทำให้ทุกแผนการ เป็นไปได้ง่ายขึ้น 

เมื่อสำเร็จมาหนึ่งขั้น ต้องใจเย็น
 คิดตรึกตรอง ให้ตนอยู่ในสถานการณ์ 
ที่ควบคุมลำดับความสำคัญ
มากน้อย ให้จงได้





ลูกสาวที่รัก เป็นหนึ่งเหตุผล
ที่ทำให้เราทุกข์ใจที่สุด ขณะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
เหตุการณ์เบื้องหลัง มารบกวนเราทุกข์เสี้ยวนาที
ที่คิดถึงลูก มีอะไรแอบแฝงมากมาย
การดำรงชีพ ในฐานะที่แตกต่าง
กับแบบฉบับหน้ามือ เป็นหลังมือ
สภาพจิตใจ ความกดดัน 
อีกหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ดูแล้ว เนื้อความของ " ทุกข์ " 
มีมากกว่าหลายคนที่คิดว่า เรา " สุข " 

เพราะคุณมองแค่ภาพที่เห็น แต่นั่น
แค่เบื้องหน้า ใส่กรอบครอบไว้
สุดท้าย ทุกวันนี้ มีสุขได้อย่างไร
เจอกันตอนหน้าค่ะ

พระเจ้าอวยพระพร














ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วันนั้นถึงวันนี้ กับคำว่า "ดารา" ตอนที่ 1