กว่าจะถึงวันนั้น ผ่านมา จนถึงวันนี้ กับชีวิตที่คนทั่วๆไป เรียกกันว่า "ดารา" 

ตอนที่ 2




ด้วยความต่อเนื่องมาจากตอนที่แล้ว
หาโอกาสมานั่งเรียบเรียงตอนนี้อยู่หลายครา
แต่ก็ไม่เป็นที่พึงพอใจเท่าใดนัก

การเขียนบทความใดๆก็ตาม ถ้ามีวัตถุประสงค์บังคับ
หรือกำหนดเรื่องไว้แล้ว มักจะเป็นการเขียน
ที่มีความกดดันสูงพอตัว

การเขียนแต่ละครั้ง เหมือนต้องรอให้เรื่องราวที่เราอยากเขียน
มันไหลพรั่งพลูออกมาโดยไม่รู้ตัว  หรือนึกเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้
ก็ต้องนำมาจดโน๊ตไว้กันลืม 

ตอนนี้ขอแบบฉบับแชร์โน๊ต

หวังว่าคงมีประโยชน์ในบางส่วน

กับใครที่เพิ่งเริ่มมีส่วนร่วม

ในวงการบันเทิง



"กว่าจะถึงวันนั้น ผ่านมาจนถึงวันนี้ กับชีวิตที่คนทั่วๆไป 
เรียกกันว่า "ดารา" "

บทความเรื่องนี้

สำหรับดิฉันถือว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน
เพราะมีผลต่อเยาวชนหลายคนที่เป็นลูกศิษย์ลูกหา
ความเป็นจริงนั้น ต้องเกลาแล้วเกลาอีก
เพื่อให้ออกมาอย่างที่ใจต้องการและคนอ่านรู้สึกสบาย
และได้ประโยชน์

ก้าวแรกดิฉันเป็นเด็กในสังกัด และได้เซนต์สัญญาช่อง
ความภูมิใจของดิฉันนั้นผลิหล่นออกมาเหมือน
เช่นใบไม้ในฤดูใบไม้ผลิที่ดิฉันมองเห็น
ที่นอกหน้าต่างในช่วงนี้อยู่เกือบทุกวัน
แต่ความรู้สึกนี้มันควบคู่กับการระแวดระวัง
ความประพฤติของตัวเองในสายตา
ของผู้ใหญ่(หัวหน้าผู้มีอำนาจในการทำงานของเรา)

ทำไมดิฉันถึงต้องระวังความประพฤติ
คงไม่รู้หรอกเวลานั้นว่ามันมีความหมายอย่างไร
ณ ขณะนั้นที่เข้าใจก็ว่ากันไปตามหนังสือสัญญา
ถ้าคุณประพฤติปฎิบัติตัวไปในทางที่เสื่อมเสียชื่อเสียง
คุณก็หมดโอกาสในหน้าที่การงานตามหนังสือสัญญาจ้าง

กลัวสิคะ กว่าจะผ่านเข้ามาได้ แต่ดิฉันก็ไม่หวั่น
ถ้าเป็นสิ่งที่ดี ทำไมเล่า

สิ่งที่ดิฉันปรับเปลี่ยน คือเพื่อนสมัยเรียนบางกลุ่ม
ที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะไม่ควร
ติดยา เสพยากันก็มี หรือเกิดอาการ
หมั่นใส้ อิจฉาริษยามากขึ้น นั่นแค่บางคนบางกลุ่ม
(เพราะตอนสมัยเรียน ดิฉันเข้าได้กับทุกคน
ไม่ว่าเขาจะมีอุปนิสัยด้านใด ก็เรื่องของเขา
แม้เราจะห้ามปราบ หรือตักเตือน เขาไม่ฟัง
ก็ไม่พยายามที่จะไปอยู่บนความอิสระของเพื่อน)
หรือมีพฤติกรรมไม่ให้เกียรติ
ดฺิฉันก็จำเป็นต้องตัดความสัมพันธ์ไปบ้าง
โดยนำตัวเอง ออกห่างในบางที

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้กลุ่มเพื่อนหลายคน
เปลี่ยนแนวร่วม  แต่สุดท้ายเขาเหล่านั้น
ก็เข้าใจในจุดหมายปลายทางของเรา

ณ วันนี้ ต้องขอบคุณ สังคมโลกยุคอินเตอร์เน็ต
เพื่อนสมัยเรียนหลายคน ได้กลับเข้ามามีส่วนร่วม
ในปัจจุบัน และมีการปรับเปลี่ยนมุมมองสนทนา
ในแบบฉบับของผู้ที่ผ่านวัยรุ่นมากันแล้วทั้งนั้น 

ความอิจฉาริษยา หมั่นใส้ ตราความคิดใน
ความสัมพันธ์ที่เราห่างหาย
มันช่างมลายหายไป
ยิ่งหลอมรวมแน่นแฟ้นมากขึ้นกว่าเดิม
กับคำว่า "เพื่อน" ด้วยความเข้าใจของ
ประสบการณ์การเรียนรู้ของแต่ละคน

ดิฉันถือว่าโชคดี เมื่อวาสนาและโอกาสมาถึง
มีผู้หลักผู้ใหญ่ค้ำชู เกื้อหนุน
ก็ถือว่างานด้านวงการบันเทิงดิฉันเดินถูกทาง
ตราบใดที่เรามีการให้เกียรติ เคารพ ให้ความเกรงใจ
และประพฤติปฏิบัติตนในทางที่ชอบในฐานะบุคคลสาธารณะ
ผู้มีพระคุณทั้งหลายนั้นไม่ปล่อยให้คุณขัดสนด้านการงาน

งานด้านการแสดง ดิฉันก็ไม่ได้เก่งอะไรนักหนา
ผู้มีพระคุณซึ่งมีอำนาจในสังกัด
ได้ส่งให้ดิฉันไปเรียนการแสดง
กับครู อ. ทั้งชื่อจริงและชื่อเล่น
กับคู่พระร่วม เป็นครั้งแรกที่ได้เจอกัน

ในตอนนั้น เขาก็ใหม่แกะกล่องเหมือนเรา
ความสามารถในการแสดงคงพอกัน
สุดท้าย ก็ขำมากๆ ขออุ๊บ

ได้เทคนิคเคล็ดลับหลายอย่างกับครู อ.
ต้องขอบพระคุณมากมาย
แม้จะไม่ได้มีโอกาสเรียน
ในการถ่ายทำละครทุกเรื่อง
ครู อ.ชี้แนะ และนำเทคนิคและให้เรา
นั่นหมายความว่า การเรียนการแสดง
เป็นเพียงขั้นตอนแรกบางส่วนเท่านั้น
การถ่ายทำละครจริงๆ คุณต้องเรียนและใฝ่รู้
สิ่งใหม่อยู่ตลอดเวลา

มันช่างยากอะไรแสนเข็ญ
เพราะสิ่งที่ดิฉันได้พร่ำสอนนักเรียน
ไม่ใช่แค่คุณมีไหวพริบ การแสดงเป็นเลิศ
แต่การทำงานร่วมกัน และการวางตัว
ในกองถ่ายทำ นั่นถื่อเป็นเรื่องสำคัญกว่า

เห็นได้จาก ดิฉันไม่ได้แสดงรู้เรื่องรู้ราวอะไรเท่าไหร่
แต่งานละคร งานด้านวงการบันเทิงก็มาอยู่ไม่ขาดสาย

คุณควรพิจารณาตัวเอง เรื่องการวางตัว
เรื่องผูกความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานให้ดี
และให้เสมอต้นเสมอปลาย จากใจจริงของคุณ
การแสดงบางครั้ง ถ้าคิดว่าตัวเองไม่เก่งนัก
แต่จงย้อนกลับไปอ่านบทความ เรื่อง "เก่งกับการพัฒนา
ความกล้าแสดงออก " ตราบใดที่คุณใฝ่รู้ คุณจะมีพัฒนาการ
ด้านการแสดงสูงขึ้นเรี่อยๆ

ทำอย่างไรบ้างหล่ะ  ศึกษาข้อมูลของเนื้อหาเรื่องราว
ของตัวละครที่คุณได้รับ และตัวครร่วม
หรือมีเทคนิคการแสดงเป็นพื้นฐาน นั่นยังไม่พอ
ในทุกครั้ง ขณะที่คุณมีโอกาสซ้อมการถ่ายทำ ให้กล้าที่จะถาม
และปรึกษาผู้กำกับเสมอๆ ว่าอารมณ์ไหน มากไปสูงไป
หรือน้อยไปหรือเปล่ากับคาแลคเตอร์ที่คุณได้รับ

ประสบการณ์เก็บเกี่ยว ขณะที่คุณได้ปฎิบัติงาน 
นั้นถื่อเป็นประสบการณ์จริงที่ไม่สามารถไปหา
คอร์สการเรียนที่ไหนได้

เรื่องการแสดงผ่านไปแล้ว ผ่านไปเล่า
แต่ไหง ดิฉันยังมาโผล่ในแวดวงของพิธีกร
แฟชั่น ผู้ประกาศข่าว งานคอนเสริต์
ร้องเพลง โชว์ตัว เกมโชว์
งานกุศล  และเปิดตัวสินค้าอะไรๆอีกมากมาย

ความเป็นมายังไม่จบสิ้น
ตอนนี้ขอเน้นหลักๆเรื่องของการเป็นนักแสดง
ไปคร่าวๆก่อน

ตอนหน้ามาเล่าความเจาะลึกไปด้วยกันอีกทีละนิด
อย่างละเอียด  และความตอนท้ายที่ดิฉันได้เกริ่นไว้
ในตอนที่ 1  ไม่หนีไปไหนแน่ 

ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน ที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย
ของเป็นศูนย์ ในบทความตอนนี้

เจอกันตอนที่ 3
พระเจ้าอวยพร























ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วันนั้นถึงวันนี้ กับคำว่า "ดารา" ตอนที่ 1