ขอแค่คิดดีทำดี ก็เพียงพอ
แต่ถ้าทำให้คุณเจ็บปวด
จงหยุดขวนขวายที่จะทำ

คุณเคยเป็นมั้ย ที่คิดทำอะไรดีๆ แต่ไม่เคยได้สิ่งที่ดีๆกลับมา 


เป็นศูนย์เคยเป็นคนหนึ่งที่่เมื่อทำสิ่งที่ดีๆ เป็นประโยช์ให้กับใครแล้ว
ถ้าเขาไม่เห็นคุณความดี และยังต่อว่า ดิฉันก็จะหยุดกระทำ
ต่อคนผู้นั้นทันที ไม่ต้องมากความ  ไม่ต้องขวนขวาย
ไม่ต้องพยายามอีกต่อไป  แม้เจอก็ทักทายเพียงแค่นั้น

ช่วงชีวิตหนึ่งของเข็มนาฬิกา แห่งเวลาการเดินทาง

ดิฉัน ได้ทำสิ่งที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ดี

ทั้งมิตรไมตรี ต่อบุคคลที่เขาเกลียดขี้หน้า

ซึ่งหวังพยายามจะให้เขาเปลี่ยนใจและชื่นชอบเรา

พวกเขา ไม่ใช่บุคคลในวงการงาน

ไม่ใช่บรรดาแฟนคลับ ไม่ใช่ผู้ที่ชมผลงานของเรา

แต่เป็นบุคคลในครอบครัวใหม่ เมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว

ซึ่งมันส่งผลให้เราเกิดความพยายามที่เหนื่อย 
และบอกตัวเองอยู่เสมอ เราจะต้องชนะใจพวกเขาให้ได้

เพื่อแสดงให้คนที่เราให้ความสำคัญได้เห็นว่าเราเก่ง

นั่นไง

ทำดีเพื่่อหวังให้เขาชื่นชอบ และหวังชนะ  มันเกิดขึ้นแล้ว

มันมีจุดประสงค์ ที่จะให้ได้ดั่งที่ใจเราต้องการ

เมื่อพวกเขาได้เปลี่ยนใจ และสัมผัสเห็นมิตรภาพที่ดี

ดิฉันก็หลงระเริงความเก่งของตนอยู่พักใหญ่

จนเกิดการพยายามในทุกสถานการณ์

กรณีที่ครอบครัวมีปัญหาไม่ปรองดองกัน

นั่น มันก่อตัวเกิด ก่อนที่เราจะมาเป็นสมาชิกใหม่

แม้มันไม่เกี่ยวกับดิฉัน

แต่ดิฉันก็พยายามดึงตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้อง

มันเป็นอยู่ซะอย่างนี้ซะทุกเรื่อง สุดท้าย

เมื่อสิ่นสุดปลายทางแห่งการกระทำ

สิ่งที่ได้รับทางอ้อม คือ คำตำหนิ การครหา

หมั่นใส่ อิจฉา ริษยา เพราะทำดีเกินหน้าเกินตา

เมื่่อสามปีหรือสี่ปีก่อน คนใกล้ชิดแทบ 24 ชั่วโมง

ทำให้เห็นสิ่งที่เป็นความจริงในอีกกรณีหนึ่ง 

คุณไม่ได้ร่วมงานกันก็จริง

คุณไม่ได้รู้จักเขามาก่อนก็จริง

คุณไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับคุณก็จริง

แต่คุณก็ยังให้เกียรติ และยกมือไหว้เขาอยู่เสมอๆ

ดิฉันก็โมโห และกล่าวว่าอยู่ยกใหญ่

" ไม่ต้องไปให้เกีรยติและยกมือไหว้แล้ว
เพราะเขาไม่เคยให้เกียรติคุณและไม่เคยรับการไหว้กลับซักครั้ง 
จะทำไปทำไม เขากลับ่ยิ่งดูถูกคุณ มองคุณไม่มีค่า " 

แต่คนใกล้ชิดดิฉันก็ตอบกลับ

ในฐานะที่ไม่ได้รู้จักขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นเท่าไหร่นัก

ว่า

 "  ผมไม่รู้ว่าเขาจะคิดยังไง ผมคิดแต่เพียงว่าผมได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง 
แม้ว่าเขา จะไม่เกิดปฎิกิริยาตอบสนองที่ดีๆกลับ ก็ถือเป็นเรื่องของเขา  "

จากนั้นมา ทำให้ดิฉันได้นำคำพูดนี้ มาเตือนใจและปรับปฎิบัติให้ได้อยู่เสมอ

มีเพื่อนๆหลายคน

ที่ดิฉันได้รู้จัก มองคนด้วยความไม่ถูกชะตา ด้วยความอิจฉาริษยา

หมั่นใส่ มีอคติที่ไม่ดี หรือ

มิตรภาพที่ดีในครั้งแรก แต่ไม่เห็นการตอบสนองกลับ

ก็เลิกล้มความตั้งใจที่จะสร้างไมตรีที่ดีต่อเขา

แม้ในเรื่องของการมีน้ำใจ

" เรามีน้ำใจกับเขา แต่ไม่เห็นเขามีน้ำใจกับเรา แล้วเราจะคบเขาไปทำไม   "

ดิฉันอาจบอกได้ว่า

มันอาจเป็นสิ่งที่ทำให้คุณไม่มีความสุขในความสัมพันธ์ใหม่


เมื่อวานนี้ดิฉันได้เห็นความยากลำบากในการพยายาม

จมอยู่กับความทรมานอีกอย่าง ของคนรอบข้าง

คนที่มีวิธีการคิด การมองโลก เพียงด้านเดียว ไม่ยอมรับฟังผู้อื่น

ไม่ว่าเราจะช่วยเหลือ อธิบายอย่างไร เขาก็เป็นของเขาอย่างนั้น

ยิ่งถ้าเขาเป็นบุคคลที่คอยเรียกร้องความสนใจ

ด้วยการสร้างปัญหาเป็นตัวนำ

ยิ่งเราไปสนใจ ใส่ใจ เขาก็ยิ่งได้ใจ

คิดแต่จะสร้างเรื่องราววุ่นวาย ไม่รู้จักจบสิ้น

แม้จะเป็นคนที่คุณรักมากแค่ไหน ไม่ว่าในฐานะอะไร

ถ้าในทุกสิ่งที่คุณพยายาม มันทำให้คุณต้องเจ็บปวด

การปล่อยให้เขาเป็นอย่างนั้น และคิดว่าเขาก็เป็นของเขาอย่างนี้

การไม่หวังพยายามที่จะช่วย ปล่อยมันไป และนิ่งเฉย

บางที บางครั้ง นั่นแหละ ถือเป็นการช่วยทางอ้อม ที่ได้ผลดี

ที่ทำให้เขาได้คิดทบทวนตัวเขาเอง และอยู่อย่างสงบ

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม

ในเมื่อทำดีไม่เห็นคุณค่า ลองทำในสิ่งที่ไม่ดีให้บ้าง

ดูซิ จะเป็นยังไง นั่นก็ผิด

...................................................

ในสิ่งที่ดิฉันได้กล่าวไปข้างต้น

ทำให้ดิฉันไตร่ตรองใคร่ครวญอยู่พักใหญ่

กับความสัมพันธ์ของมนุษย์เรา

แม้ว่าเราจะทำแต่ในสิ่งที่ควร ที่ดี ที่ถูกต้อง อยู่เสมอ

ไม่ได้หมายความว่า คุณต้องพยายาม หรือขวนขวายที่จะทำ

โดยเฉพาะถ้าคนๆนั้น ทำให้คุณต้องเจ็บปวด

และเขาคนนั้นไม่เคยเห็นค่าของคุณ

แต่ก็ไม่ได้หมายถึง คุณจะต้องหยุดทำในสิ่งที่ดีๆ กับใครอีกหลายคน

แม้เขาจะนิ่งเฉย 
ไม่ได้หมายถึงว่า 
เขาจะเป็นคนที่ไม่อยากตอบสนอง

แม้เขาจะนินทา 
ไม่ได้หมายถึงว่า เขาจะอิจฉา 
ริษยา หรือเกลียดเรา

แม้เขาจะเกลียดเรา 
ก็ไม่ได้หมายความว่า
เขาจะมีผลทำให้คุณไม่มีความสุข

แม้พวกเขาจะเป็นยังไง 
ขอจงมีความสุข
ที่จะไม่หยุดสร้างมิตรภาพและสิ่งดีๆ

แต่จงขอคิดหยุดพยายาม และขวนขวาย
ถ้าเขาคนนั้น 
เป็นคนที่ไม่เกิดการพัฒนา.

 
ต้นนี้เป็นหนึ่งในต้นไม้ ทั้งหลายในบ้าน ที่ทำให้ดิฉันคิดเปรียบเทียบบทความนี้ได้ว่า 
แม้วันนี้จะไม่มีดอก(ผลของการทำความดี)ให้เห็น ถ้าคาดหวังและพยายามที่จะทำให้มันมีดอกอีกครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ก็จงปล่อยมันไป และชื่มชมใจสิ่ิงที่มันมีและสามารถคงอยู่ได้ก็เพียงพอ



นี่เป็นเพียงตัวอย่างความคิดเห็น
ในชีวิตแลุะมุมมองส่วนตัว
อาจเป็นประโยชน์กับผู้ที่เผชิญอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
แต่อาจมีวิธีการคิดที่แตกต่างออกไป
ดังนั้น ไม่ได้หมายความว่าดิฉันจะเป็นผู้สรุปเรื่องราว
หรือตัดสินว่าทุกคนควรคิดในทางเดียวกัน
เมื่อได้อ่าน จงนำไปปรับใช้ให้เหมาะสม กับตัวคุณเอง



































ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วันนั้นถึงวันนี้ กับคำว่า "ดารา" ตอนที่ 1