The troubles are making a Human to be.

บ่อยครั้งปัญหาก็เป็นตัวกำหนดในการเป็นคุณ


คุณจะเข้าใจปัญหานั้นๆได้ดี
เมื่อคุณได้สัมผัส ไม่ว่า
การเดินของปัญหานั้น
จะยาวนานหรือสิ้นสุดลงอย่างไร



คุณคิดว่า ปัญหาส่วนใหญ่ที่มนุษย์ปถุชนทั่วไปพบเจอ 

คือปัญหาอะไร แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับ

ปัญหาอะไร ทำให้คนส่วนใหญ่หาทางออกแบบผิดๆ 



มันอาจมาจาก..

ปัญหาทุกด้านความสัมพันธ์

ปัญหาเรื่องพฤติกรรมที่อยากเป็นตัวของตัวเอง

และต้องการอิสระ  ในช่วงวัย

ปัญหาจากการเรียน และความกดดันทางการศึกษา

ปัญหาในฐานะทางการเงิน 

และมาตราการวัดค่าของสังคม หรืออาจเรียกได้อีกอย่างว่า
" ค่านิยม ทางสังคม "

ปัญหาเรื่องครอบครัว 

ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย

ปัญหาเรื่องหน้าที่การงาน

และคงอีกหลายๆปัญหา ซึ่งดิฉันคงนำมากล่าวได้ไม่จบสิ้น

แต่สิ่งที่แน่นอนที่สุด จงอย่าอยู่คนเดียว

อย่าเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง  

อย่าคิดเอง เออเอง 

เจอปัญหา ก็หมดอารมณ์ล่ะ

ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น เหนื่อยใจ เบื่อ เซ็ง

ทั้งหมดที่กล่าวมา คือ

คุณขาดความเข้าใจยังไงหล่ะ 

ไม่เคยมีใครบอก 

ไม่เคยมีใครสอน

ไม่เคยได้ยินมาก่อน

ไม่เคยรู้ว่าผลจะเป็นอย่างนี้

ไม่เคยคิดไตร่ตรอง

ไม่เคยแคร์ หรือไม่แคร์ใครทั้งนั้น

หรือไม่เคยเจอ 

ความไม่เคยทั้งหลาย ไม่ได้ลงโทษคุณ

หรือทำให้คุณจมกับปัญหานั้น 

มันคือธรรมชาติของชีวิต

คุณไม่ได้เป็นฝ่ายผิด แต่ก็ไม่ได้จะถูกต้องในทุกครั้งต่อไป 

หลายคนเจอปัญหาเดิมๆ แต่ก็แก้ไม่ตก

เซ็ง เบื่อ ทุกข์ ทรมานกับมันวันยังค่ำ 

แต่ความเดิมๆเหล่านั้น มันทำให้คุณเกิดการพัฒนา
ในการมองปัญหาที่เปลี่ยนไปหรือลึกลงหรือเปล่า

ความเข้าใจในสิ่งที่มันไม่อาจจะเปลี่ยนแปลง

ความสามารถสร้างตัวเองให้เข็มแข็ง

กำลังใจจากคนรอบข้าง

และพื้นฐานความรู้ของแต่ละคน

ปัญหาเดียวกัน บางคนอาจจบได้ในเสี้ยววินาที 

แต่บางคน อาจเป็นวัน เป็นปี หรือซ้ำแล้วซ้ำอีก

บางครั้ง เกิดสะสม..

ทำให้ปัญหาก่อเป็นนิสัย 

เช่น " เมื่อเจอปัญหานี้ ก็เป็นอย่างนี้ทุกที "
นั่นหล่ะ คือนิสัยที่ติดตัวโดยไม่รู้ตัว

เมื่อมีใครก็ตามกล่าวว่าคุณอยู่ตลอดว่า 

คุณเป็นคนที่มีนิสัยแย่ หรือนิสัยไม่ดี
นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นคนไม่ดี 

แต่ตัวปัญหา 
ตัวการศึกษา 
ตัวความรู้ 
ตัวความเข้าใจ
และกระบวนการคิดต่างหาก  

ดิฉันขอยกตัวอย่างง่ายๆหนึ่งตัวอย่าง 
กับปัญหาด้านความรัก 

เช่น

"  ถ้าคุณรักฉัน คุณต้องเปลี่ยนตัวคุณเองเพื่อฉัน "
"   ถ้าคุณรักฉัน คุณต้องรักในสิ่งที่ฉันเป็น"

แต่บางครั้งประโยคข้างต้น มันไม่ได้ใส่ความเข้าใจเพียงพอ
สำหรับคนที่นำไปใช้  
ทำให้หลายๆคนใช้ทิฐิ
ซึ่งดิฉันเห็นว่า มันเป็นประโยคยอดฮิตในสังคมปัจจุบัน
 
ขาดความเข้าใจ...ปัญหาก็เกิดการ
ทะเลาะกัน 
ไม่ยอมกัน 
ต่างฝ่ายต่างเอาชนะ
เพราะต่างยืนกรานที่จะไม่เปลี่ยนตัวเอง 
บ้างก็ว่า กลัวประนามว่าเป็นคนโง่ 
ยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนที่คุณรัก 
บ้างก็ต้องการให้คนอื่นเห็นว่า 
คุณเจ๋ง คุณเก่งมาก 
ที่ทำให้เขาคนนั้น สามารถเปลี่ยนตัวเอง..เพราะคุณ  

แต่วิธีการที่คุณเปลี่ยน คืออะไร 

ขอจงจำใหม่ว่า 

"  คุณต้องเปลี่ยน ในความไม่เปลี่ยน"    

จงคิดทบทวนในสิ่งที่เขาพูด คุณมีอะไรต้องเปลี่ยน

สิ่งที่คุณต้องปลี่ยน อาจเป็น
ความเข้าใจผิดๆที่คุณได้รับมา..หรือเปล่า

สิ่งที่คุณเปลี่ยน อาจเป็น
การศึกษาที่ผิดวิธีการ 
จนกลายเป็นวัฒนธรรมโดยไม่รู้ตัว..หรือเปล่า

สิ่งที่คุณเปลี่ยน อาจเป็น
ตัวนิสัยที่ไม่ดีทั้งหลายแหล่ ที่คุณและเขาไม่ชอบ..
หรือเปล่า

หรืออะไรก็ตาม...
 
แต่นั่นจงอย่าได้ลืม
ว่าคุณไม่ได้เปลี่ยนตัวคุณเอง 
เพื่อคนอื่น หรือคนที่คุณรัก 
แต่เพราะคุณคือแก่น 
คือแกนที่มีความรู้ 
ความเข้าใจผิดๆมาครอบงำ
คุณก็ยังคือคุณคนเดิม 


ดิฉันจะยกตัวอย่างในกรณีไหนอีก คงไม่ดีเท่ากับ

ตัวอย่างปัญหาที่คุณเจอกับตัวคุณเอง

ลองคิดทบทวนและลองนำสิ่งที่ดิฉันอธิบาย ไปเปรียบเทียบ

 และขอจงแก้ปัญหาอย่างมีสติ ด้วยปัญญาที่เกิดจากการพัฒนา

ไม่ว่าจะด้านใดก็แล้วแต่ 

และสุดท้าย อย่าลืมว่า

กำลังใจจากคนรอบข้าง สำคัญเสมอ 

อย่าปิดตัวเอง 

การที่คุณขังตัวเอง 

ตัดขาดการติดต่อจากคนภายนอก ในช่วงนั้น

ความคิดของตัวคุณเองนั่นแหละ ที่น่ากลัว 

และมันจะย้อน..มาฆ่าคุณ




























 


 






ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วันนั้นถึงวันนี้ กับคำว่า "ดารา" ตอนที่ 1