First year in France 
หนึ่งปีแรกในฝรั่งเศส

ตอนที่ 4 (จบ) 
มิตรภาพ ผู้คน สังคม  วิถีชีวิตที่เรียบง่าย







บางครั้งหน้าที่การงานในประเทศบ้านเกิด
การใช้ชีวิตนอกบ้าน
เป็นเส้นทางเชื่อมความจดจำของผู้คน
ไม่ว่าจะทำอะไร ไปที่ไหน แฟนๆ หรือผู้พบเห็น
มันจะเป็นอะไรที่ติดตา และกล่าวขานกันอย่างทั่วถึง
ทำตัวดี วางตัวถูกทาง
ก็เป็นที่น่าเลื่อมใส ในฐานะคนของสังคม

สิ่งหนึ่งที่ต่างออกไปเมื่อมาอยู่ที่นี่ 
แม้ว่าคุณจะเป็นคนมีชื่อเสียงระดับไหน 
หรือร่ำรวยปานใด คนที่นี่ไม่ก้าวก่าย
สิทธิส่วนบุคคลและความเป็นคุณ ไม่ก้าวล้ำด้วย
สายตาที่จ้องมองแบบแปลกๆ




จากการที่มีโอกาส ใช้การเดินทาง
โดยรถสาธารณะบ่อยครั้งในปารีส
ไม่ว่าใครจะแต่งตัวเวอร์ สุดๆ แบบไหน
ไม่มีจ้องมองใครให้ดูแปลก
และตื่นเต้นทั้งนั้น
เคยนั่งรถไฟฟ้าบ้านเรา
 หลายคนแต่งตัวแปลกแหวกแนว
มองกันไป จ้องกันเขม็ง แทบไม่ละสายตา
ถ้ามีเพื่อนมีฝูงนั่งเกาะกลุ่มอยู่ด้วยกัน
ก็พากันคุยและนินทา ทางดีบ้างเสียบ้าง

ที่นี่ถ้าคุณทำอย่างนั้น เหมือนต้องสะกิดใจตัวเอง
ว่าอย่า  เพราะดูเป็นเหมือนการเสียมารยาท
อย่างมากทีเดียว

การเดินบนท้องถนนที่นี่ สัมผัสได้อย่างมากมาย
กับความอิสระเสรี ในแบบที่ทุกคนเท่าเทียมกัน


และอีกจุดหนึ่งที่ประทับใจ
สมัยเด็กๆ จำได้ว่าอยู่ต่างจังหวัด
ทุกครั้งเมื่อรถบัสนักท่องเที่ยวต่างชาติขับผ่าน
ก็จะตื่นเต้นและโบกไม้โบกมือทักทาย
หรือหลายคนที่รู้จัก เมื่อมีต่างชาติเข้ามาเยี่ยมเยือนหมู่บ้าน
คนไทยเรียกกันส่วนมากว่า " ฝรั่ง "
 ก็จะพากันมาเล่น พูดคุย
จ้องมอง ติดตามพฤติกรรม
ดั่งเช่นกับว่า เขาเป็นบุคคลที่โด่งดัง

ครั้งเมื่อสมัยดิฉันยังอยู่ทางภาคใต้ของฝรั่งเศส
หมู่บ้านก็เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ผู้คนมีมิตรภาพที่จริงใจ 
ไม่เสแสร้ง เหมื่อนคนเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ต่างกันนัก
กับประเทศไทยเรา หรือหลายๆประเทศ 

การที่มีโอกาส ทำความรู้จักกับเพื่อนบ้าน ของพ่อสามี
พวกเขาอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ แม้แต่สุนัข ยังมีลูกมีหลาน
เหตุการณ์ทีี่ดิฉัน หมั่นไปมาหาสู่ เป็นประจำกัน ณ ช่วงนั้น
ลูกๆเด็กๆ ของครอบครัวทางนี้
ก็พลอยตื่นเต้น ออกมาดูและอยากพูดคุยกัยเรา
แม้ว่าจะสื่่อสารกันไม่รู้เรื่องซะเลย
มีแต่พ่อบ้านของครอบครัวนี้ พูดอังกฤษได้บ้าง

สิ่งที่ดิฉันนึกขำขันและคิดย้อนกลับ
พวกเขาต่างมาจ้องมองที่ดิฉันและลูกชายแทบไม่กระพริบตา
มองแล้วมองอีก มองที่หน้า มองที่สีผม สนใจการเคลื่อนไหว
ถ้าเป็นคำไทยๆ ก็จะเรียกว่า " ไทยมุง " ประมาณนั้น
ที่นี่เขาคงไม่เคยเห็นคนไทย หรือชาวเอเซียบ่อยนัก
แอบคิดไปก็ยิ้มไป




มีหลายเรื่องในความสัมพันธ์ ของคนชนบท 
ความมีน้ำใจ แบ่งปัน ช่วยเหลือ เกื้อกูล 
ซึ่งใช่ว่าประเทศเขาจะไม่มี 


พอได้ย้ายโคจรตารางชีวิต มาอาศัยแบบเต็มตัว
ที่เหมืองหลวง " ปารีส " เป็นเมืองในฝันของใครหลายๆคน

แน่นอน ว่าถ้าคุณมาในฐานะนักท่องเที่ยว
คงไม่มีใครอยากไปเที่ยวชม และเก็บภาพที่ไม่น่าดูและไม่สวยงาม

เมื่อได้นำตัวตนมาสัมผัสในระยะยาว อาศัยในฐานะเกือบเป็นเจ้าถิ่น
ทำให้ที่นี่ ไม่ได้แตกต่างกับประเทศไทยนัก 
มีสวยก็มีไม่งาม มีสะอาดก็มีสกปรก 
มีความปลอดภัย มันก็ยังต้องมีความอันตรายแอบแฝง




สิ่งแวดล้อม ตามข้างถนนของกรุงปารีส
ยังมีภาพของผู้คนที่ไร้ที่อยู่อาศัยให้เห็นบ่อยๆ
ตามหน้าซุปเปอร์มาเก็ตที่เข้าไปจับจ่าย
บางที่ ก็ยังมีขอทานนั่งเฝ้ารอ อยู่แทบทุกวัน
สถานที่ื ที่ไกล้สถานีตำรวจหน่อย ก็แทบไม่มีให้เห็น
ไกลไปหน่อย ก็มีเยอะตามสภาพของที่พัก

ใต้สะพานบางจุด กลิ่นฉุนรุนแรง แทบจะเดินผ่านไม่ได้
อึสุนัข คนอยู่ประจำจะรู้ดี

แต่สิ่งที่ชอบมากๆ คือสภาพอากาศที่เย็นสบาย ไม่ร้อน
ในช่วงปีแรกที่มาพำนัก เหมือนหนีร้อนมาพึ่งเย็น 
การมาใหม่ๆ คุณอาจต้องเห่อวิธีการแห่งพฤติกรรม
ที่ช่างคนละขั้วกับประเทศไทย 






แต่ยังจะเน้นให้เห็น และคงรูปประโยคเดิม คือ
" คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า "
คนที่นี่ส่วนมาก ขอให้ได้เจอแดด ร้อนๆ มีความสุขเหลือหลาย
ชาวไทยส่วนใหญ่อยู่ร้อนอบอ้าวนาน ก็รีบปรี่เข้าหากับสภาพ
อากาศของที่นี่ บ้างก็ขอให้หิมะตก ขอให้ติดลบ เป็นกันไป
เป็นธรรมดา

เรื่องกฎระเบียบของที่นี่ คงไม่ต้องพูดถึง 
ของเขาแรงกว่าบ้านเราเป็นหลายเท่า 
หลายอย่าง แรงสุดๆ จนทำให้คนที่นี่หนีหายไปตามส่วน 
ใครอยู่ได้รับได้ มองในแง่ดี สร้างภาพบวก ก็ไม่เป็นปัญหา
ใครรับไม่ไหว มองในแง่ลบ ก็ใช้ชีวิตแบบ บ่นไป ตำหนิติเตือนไป
กับสิ่งแวดล้อม สังคม และปรากฎการณ์ธรรมชาติ

ค่าครองชีพ
เงินเขาใหญ่ แต่จะกินจะใช้อะไรทุกอย่าง ราคาก็ใหญ่ตามตัว
บ้านเราของใช้ของกินถูก รายได้ เม็ดเงิน มันก็น้อยตาม และคละกันไป
ซึ่งเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นความแตกต่างในเรื่องนี้มากนัก
ถ้าจะมองจุดที่แตกต่างในหัวข้อนี้ คงเป็นเรื่องของ
การต้อนรับและบริการ ยกให้ประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่งเสมอ



ยังคงมีอีกหลายเรื่องราว ที่ไม่ได้เกริ่นเข้ามาในบทความตอนนี้
ขอเวลาเรียนรู้ให้มาก กว่าแค่หนึ่งปีแรกนี้
คงได้มีอะไรมาเล่าสู่กันฟัง และมุมที่ต่างออกไปกันในอนาคต







ภาพรวม 
ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน
ทุกวันนี้โลกสังคมออนไลน์
ทำให้ทุกความสัมพันธ์ที่คุณลาจาก
ไม่ได้อยู่ห่างกันเลย
ทุกแห่งหนในโลกใบนี้ เพียงแค่เรียนรู้ ที่จะรู้จักปรับตัว
และมองให้เกิดภาพบวก มันเป็นสิิ่ิ่งหนึ่ง ที่แม้จะเป็นเพียง
กรอบนอก แต่อย่างน้อย มันก็เป็นกรอบที่ทำให้คุณมีข้อจำกัด
ของชีวิต ไม่ฟูมฟาย ตื่นตูม กับความทุกข์ ความกังวลใจ
และสิ่งที่เกิดขึ้นจนเกินไป





ส่วนในเรื่องภาษา ขอให้เป็นผู้กล้า
กล้าที่จะแสดงออก กล้าพูด
กล้าถาม ใส่ความบ้าๆบอๆไปบ้าง
มีความมั่นใจกับความสัมพันธ์การติดต่อสื่อสาร
ของบุคคลต่างสัญชาติ กับสิ่งใหม่รอบตัว
 คุณก็จะเรียนรู้กับมันได้เร็ว


เพื่่อนใหม่ สังคมใหม่ ก็เป็นสิ่งที่น่าเรียนรู้
และมองมิตรภาพในมุมที่ต่างไปจากแต่ก่อน


ทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่
มีอะไรไว้ให้คุณมอง และค้นให้เจอ
ชีวิตคือการเรียนรู้
หนึ่งปีที่นี่ ทำให้ดิฉันเรียนรู้หลายอย่าง
ทั้งทุกข์และสุข ในจุดที่ไม่เคยพบผ่าน

ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ดิฉันเป็นมนุษย์
ที่สมบูรณ์ขึ้น ใจเย็นขึ้น รอบคอบขึ้น
นิ่งขึ้น สงบขึ้น ยินดีในความทุกข์ 
เพราะนั่นเป็นของขวัญจากพระองค์
ที่ทำให้เราได้บทเรียนที่มีค่า
ที่ไม่สามารถไปเสาะแสวงหาเรียน
จากที่ไหนใดได้ 
ลูกจะขอเดินในทางของพระองค์ต่อไป
และขอพระองค์ทรงนำให้ลูกได้เรียนรู้
ในทุกความสุข และความทุกข์ 
ขอบคุณพระองค์ที่ให้ลูกมีจิตใจที่แข็งแกร่ง
เข็มแข็ง มองทุกอย่างให้เป็นไปตามลำดับ
ขอบคุณพระองค์ อาเมน

 สุดท้าย ขอขอบคุณ พ่อกับแม่ที่เข้าใจ
เป็นแรงกำลังใจหลักสำคัญ
ขอบคุณสามีที่แนะนำและ
ทำให้เราปรับตัวได้ไม่ยาก
ขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆทุกคนที่พบเจอกัน ณ ที่แห่งนี้
ที่ได้มอบความสัมพันธ์อันดี คอยให้กำลังใจในทุกเรื่องราว
ขอบคุณเพื่อนออนไลน์ทุกคน ที่ทำให้ตัวเองไม่เคยรู้สึกเหงา
และขอขอบคุณเพื่อนๆผู้อ่านทุกคน
ที่เป็นกำลังใจและติตตามกันมาตลอด

พระเจ้าอวยพร





ขอบคุณภาพประกอบ
http://www.pixpros.net

http://www.cparama.com/forum/rion-des-landes-t700.html

http://www.independent.co.uk

http://toutpetits.wordpress.com/2011/06/06/chiens-snf-chiens-de-sdf/

http://www.theexpathub.com/comparing-the-cost-of-living-in-france-spain-italy-and-the-uk/3903/

http://www.meetup.com/Vancouver-French-Meetup/















ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วันนั้นถึงวันนี้ กับคำว่า "ดารา" ตอนที่ 1