คุณครูของฉัน








บทความตอนนี้ ชื่อนำเรื่องเป็น
ในแบบฉบับเมื่อสมัยเรียน
ระดับ ประถมฯ 
เมื่อได้อ่านคำๆนี้ ทีไร 
ก็ทำให้เรานึกถึงเมื่อครั้ง
สมัยที่เป็นเด็กหญิง...


" ปาเจราจริยาโหนฺติ
 คุณุตฺตรานุสาสกา
  ปญฺญาวุฑฺฒิกเร เต เต
 ทินฺโนวาเท นมามิหํ 
ฯ "


ทุกเย็นวันศุกร์ เด็กเล็กเด็กโตทุกคน
ต้องมานั่งพร้อมเพรียงกันหน้าห้องเรียน
เพื่อสวดมนต์ยาวก่อนกลับบ้าน
ในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่จะเริ่ม


การเป็นผู้นำสวด ช่างเก่งเหลือเกิน
และดูเป็นนักเรียนหัวดีที่ัรับผิดชอบจริงจัง 
(ไม่เคยได้เป็นกับเขาซักที) 

สวดทุกเย็น ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ
อะไรกับบทสวดมากนัก
แค่นั่งให้ได้ทนนาน และภาวนาแต่ให้เสร็จ
จะได้กลับบ้าน
หัวสมอง ก็คิดแต่ เตรียมแผนการเล่น
ประจำวันพรุ่งนี้ ไว้หลายอย่าง

...จะไปเล่นขายของกับพี่สาว 
...จะชวนใครมาเล่นอีกดี
...เพื่อนคนนี้เขาจะว่างมาเล่นกับเราอีกมั้ย
..."เฮ้ย อาทิตย์นี้เราเป็นหัวหน้ากลุ่ม " 
คิดไปสารพัด

มาให้ความสำคัญขึ้นมาหน่อย 
ก็ตอนช่วง มีกิจกรรมวันครู 
แต่สิ่งที่ตื่นเต้น ของวัยเด็กในช่วงนั้น

" แม่ พรุ่งนี้คุณครูให้หาดอกเข็ม ธูป เทียนไปด้วย  " 
ดิฉันเกริ่นกล่าว กับพ่อหรือแม่เสมอ

สนุกกับการหาดอกไม้ ตามรั้ว ตามทาง
ที่บ้านไม่ได้มีสวนปลูกเอง 
 ณ ตอนนั้น หาได้เท่าที่มี
 ไปตามรั้วสาธารณะบ้าง
เพื่อนบ้านใจดีบ้าง

แต่สปิริตมันอยู่ที่ 
ใครจะหาดอกไม้ได้
หลายประเภทที่ต่างออกไป
และได้สวยกว่ากัน
ที่รู้ๆตอนนั้นหลักๆมีอยู่ 4  ชนิด
หญ้าแพรก ดอกเข็ม ดอกมะเขือ
และ บานไม่รู้โรย(สีม่วงๆ และบานเย็น )
ใครมีสีแปลกออกไป 
ก็เป็นที่ตื่นเต้น ในหมู่เพื่อนฝูง

เพื่อนนักเรียนบางคน 
เกิดความเข้าใจ ในสภาวะแวดล้อม
และไม่สามารถหาได้ ก็จะมีประเภท 

" หามาเผื่อ " 

" ขอแบ่งหน่อย " 
ก็น่ารักดี 
ยิ่งใครหาได้เยอะ ก็นำมาแบ่งเพื่อนๆ
กันตามสัดตามส่วนไป

บุญคุณครูคืออะไร ก็ตามๆเขาไป 
ไม่ได้ระลึกดีระลึกได้ 
ด้วยตัวเองเท่าไหร่
พิเศษ พอถึงวันครู 
" ใครจะได้เป็นคนถือพานประจำห้อง "
ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง 
ตื่นเต้น คึกคัก
(ขอให้ได้เลือกเป็นคนถือพาน) 

และหนึ่งกิจกรรมในวันนั้น
คือ 
"การประกวดพาน ไหว้ครู "
" ครูดีเด่น " 
" ครูตัวอย่าง " 
เป็นต้น 

เขยิบข้ามมาระดับ มหาวิทยาลัย
วันครู ดูเหมือนจะห่างเหิน 
ไม่สนิทกับกิจกรรม
แบบที่ประสบมา
แต่จะมาสนิทกันในรูปแบบ 
" ตัวต่อตัว "
เช่น อาจารย์คนไหนศิษย์รัก 
ก็จะได้ดอกไม้ พวงมาลัยมากราบไหว้
ไม่ก็มีเซอไพรส์จากนักศึกษาทั้งห้อง
ทำเอาอาจารย์น้ำตาไหล 

วันครู ณ ช่วงนั้น 
มันเป็นเหมือนกับว่า
" เราจะทำอะไร 
หรือจะแสดงออกอย่างไร 
กับครูคนนี้ คนนั้นดี " 

จะเดี่ยว หรือกลุ่ม คิด วกวน ไปเรื่อย 

อายุ 19 แล้วสิตอนนั้น 
เป็นหนึ่งคน ที่ทำงานไปด้วย
และเรียนไปด้วย 

คำว่าครู มันกว้างขึ้นตามแขนง

" พิธีครอบครู " 
เข้ามามีบทบาท ในฐานะ
ที่เราอยู่วงการบันเทิง 

ทำไมต้องทำ 
แล้วเขาทำอย่างไร
แล้วทำเพื่ออะไร
และบ่อยครั้งแค่ไหน

ไม่รู้หรอกค่ะ 
ได้แต่ ผู้ใหญ่แนะนำ
บอกให้ทำ ก็ทำ 
พอได้ทำ ก็เริ่มเรียนรู้ 
และทำความเข้าใจ
กับมันอยู่บ้าง 
ซึ่งจะเน้นไปในด้าน
ของความเชื่อ

ขอรวดเร็ว นั่งรถด่วน มาถึงจุดที่
เมื่อมีโอกาสกับอาชีพ
 " ครู " 

เมื่อเราได้กลับเข้ามาในวงการงานอีกครั้ง
ได้แต่คิดว่า เราหายไปนาน
จะให้กลับมาเดินเบื้องหน้าอย่างเดียว
ดูเหมือนเชื่องช้า ไม่แน่น
เบาๆ ยังไงชอบกล

ติดใจอยู่ช่วงการศึกษา
ที่ได้กลับมาต่อให้จบปริญญา
ในตำแหน่งที่เพื่อนๆและอาจารย์มอบให้
ในฐานะ " ผู้ช่วยสอนการแสดง " 
และ End list ของการถ่ายทำ
ภาพยนต์ ในสถานะ " ผู้กำกับ " 
 ในรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับ
วิทยุโทรทัศน์ 
ของมหาวิทยาลัย เขตหลักสี่ 

สายเลือดของการเป็นครู 
มันเริ่มชัดจากตรงจุดนี้ 

ความภูมิใจที่ถ่ายทอด 
ชี้นำ เทคนิค เคล็ดลับการแสดง
ให้กับเพื่อนๆนักศึกษาขณะนั้น
มันอยู่ที่ พวกเขาได้ทำตามเราแนะ
และออกมาด้วยความพยายามเต็มที่
ของพวกเขาแล้ว 
พบความสุขที่แท้จริงของการให้ในสิ่งที่สอน

ประสานเวลาต่อเนื่อง
ได้เรียนรู้คุณค่า และความหมาย
ของคำๆนี้ได้ดียิ่งขึ้น
ณ โรงเรียน ในปัจจุบัน ย่านทองหล่อ

เพื่อนรุ่นพี่ อาจารย์ ป. 
ได้แนะนำ กำจัดจุดอ่อน
ของความตื่นเต้นกับก้าวแรก
พร้อมหนังสือดีๆ
ของอาชีพครูมาให้อ่าน 
ทำความเข้าใจ 


เมื่อมีเด็กๆมาเรียนกับเรามากขึ้น
ทำให้เราต้องเพิ่มความรับผิดชอบตามไปด้วย

ดิฉัน ยังถือว่าโชคดี 
และง่ายกว่า ครูบา อาจารย์
ท่านอื่นอยู่เป็นอันมาก 

เพราะรายวิชาที่ดิฉันสอน 
เน้นสอนจากประสบการณ์ 
เป็นหลัก และเรื่องรองนั้นก็
แทรกทฤษฎีเป็นบางครั้ง

ยิ่งเด็กเล็กๆ ด้วยความเป็นแม่
ในชีวิตจริง เหมือนผลพลอยได้
ที่ทำให้เข้าใจ พัฒนาการไม่ว่าจะด้าน
ด้านอารมณ์ ความสามารถ
ในการเรียนรู้ ความเข้าใจของเขา
ได้ดี อย่างไม่ยุ่งยาก 

บางครั้งเหนื่อย เหมือนจับปูใส่กระด้ง
มีดุบ้าง แต่ก็ต้องอาศัยคำอธิบาย
ที่ต้องทำให้พวกเขาไม่เข้าใจผิดไป 
ยิ่งเด็กเล็กแล้ว วิ่ง เล่น เต้นไปกับเขา
เน้นการเรียนรู้ ผ่านการเล่น 
ทำตัวเราเป็นเพื่อนมากกว่าครู 
ก็ทำเอาหอบเป็นพักๆเหมือนกัน
แต่แล้วเมื่อชั่วโมงเรียน เสร็จสิ้น 
ก็ภูมิใจในสิ่งที่เรามอบและเขาได้รับ
ในวันนั้น จากห้องเรียนด้วยความเหงาๆ

เด็กโตขึ้นมาหน่อย 
ก็เดาใจยากขึ้น 
พวกเขามีอิสระในการคิดได้ไว
กว่าเด็กเล็กนัก 

ดิฉันได้เรียนรู้ในการหากลเม็ด เคล็ดลับ
วิธีการต่างๆ เพื่อที่จะทำให้พวกเขาสนใจ
ในสิ่งที่เราอยากจะมอบ 
หาเกม หากิจกรรมนอกห้อง 
หาจนไม่รู้จะหาอะไรอีกดีแล้ว
ต้องศึกษาหาข้อมูลใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา
ลำพังจากความรู้ประสบการณ์เดิมของเรา
มันไม่เพียงพอซะแล้ว 


แต่ในสาขาวิชา ที่ดิฉันสอน 
ส่วนมากเด็กโต จะเป็นผู้เลือกเรียน
เราไม่ได้ไปบังคับ ถ้าเด็กไม่มีใจรัก
ก็คงไม่มาเรียน

ทำให้ดิฉันนึกถึง ครูอาจารย์ 
ในระดับโรงเรียนใหญ่ๆ 
หรือมหาวิทยาลัย 
พวกเขาเหล่านั้น 
รับผิดชอบ ในการให้ความรู้ต่อศิษย์
ยังไม่เพียงพอ ต้องสรรหา 
สร้างแรงจูงใจมากกว่าดิฉันเยอะ
ยุทธวิธี จิตวิทยา การเข้ารับการอบรม
จัดมา ไม่พลาด จัดเต็ม(ไขว่คว้า)
ศิษย์จำต้องเรียน 
ไม่ได้มาเรียน เพราะเลือกจากใจรัก
บางคนไม่สนใจ ได้คะแนนไม่ดี
ปฎิบัติไม่เข้าใจ 
ผลร้ายไม่เพียงแต่ตกที่ตัวเด็ก
แต่การประเมินผลครูผู้สอน หรืออาจารย์
มันจะฟ้องและต้องปรับปรุงระบบ 
และแนวการสอนใหม่อีก
ครูอาจารย์ก็คิดหนัก
ถึงเวลาต้องปรับปรุง

กลับมาบ้าน เวลาดึกๆดื่นๆ  
ขณะลูกๆเข้านอน สามีก็คิดถึง
ยังต้องมานั่งสรุป เตรียมแผนการสอน 
(งานสอนที่ต้องรับผิดชอบนอกห้องเรียน)
อยู่แทบทุกวัน 

อีกอย่างที่ดิฉันได้เห็นแจ้ง
เรื่องของความรักที่ครูมีต่อศิษย์
คือเรื่องของการให้อภัย ใจเย็น
เข้าใจ และติดตาม(ความก้าวหน้า) 

ตอนเป็นเด็ก ใคร เคยทำอะไรไม่ดีต่อครูไว้บ้าง
ครูให้อภัยเสมอ เมื่อเรากล้าที่จะเข้าไปขอโทษ
(แม้กระนั้น ครูไม่ถือสา แม้เราไม่แสดงออก) 
ใจเย็นเป็นที่หนึ่ง 
คำว่าครูมันมาจำกัดสิทธิ์
ต้องมีคุณสมบัติเฉพาะ
ทางหลัก จิตวิทยา

...ต้องอดทน 


....เข้าใจเด็ก 

.....ติดตามผล 
(ไม่ว่าจะเป็น
(นักเรียนพัฒนาการเรียนรู้ได้อย่างเข้าใจ)
และรวมถึง

.....อนาคตที่ดีของพวกเขา

ครูภูมิใจเมื่อเห็นศิษย์ประสบความสำเร็จ
มีอาชีพในหน้าที่การงานที่มั่นคง
และประพฤติตนได้เป็นแบบอย่างที่ดี
หรือแม้เป็น บุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม


ดิฉันจะสอนนักเรียนอยู่เสมอๆว่า 

ต้องเคารพเพื่อนร่วมงาน
เรื่องของการวางตัว
ทุกคนสามารถเป็นครูให้เราได้ 
ไม่ว่าจะในสถานะ ตำแหน่งใด 

คำเหล่านี้ คุ้นๆกันบ้างมั้ยคะ

" ศิษย์คือครู(สำหรับครู) " 

"ความผิดพลาดเป็นครู " 

" เขาผู้นั้น ก็เป็นเสมือนครู " 


จะอะไรก็แล้วแต่
คงให้คำบรรยายที่ทราบซึ้ง
ไปกว่า "ครู" อาชีพตรงคงไม่ได้

ดั่งที่ดิฉันได้เกริ่นไว้ ในคุณลักษณะเฉพาะ
ที่ครูมี 

จะมีครูซักกี่คน ที่เต็มไปด้วยสปิริตการสอน
โดยคำนึงถึงหลักการและจรรยาบรรณเป็นตัวนำ
ความรับผิดชอบต่อสังคมอนาคตเด็ก 
เป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ และ
เต็มไปด้วยการให้ที่ไม่หวังผลตอบแทน 

ดิฉันเชื่อว่า ไม่ว่่าใครก็ตาม 
วางจุดประสงค์หลัก
เรื่องของรายได้ไว้จากอาชีพนี้

เมื่อได้ผ่านกระบวนการ การสอน 
การเรียนรู้ถึงการให้  
ในสิ่งที่อยากให้เขา ทำได้ 

มองผลสำเร็จนั้น ได้อย่างภูมิใจ 

มันมีค่ามาก ที่เปลี่ยนให้คุณ เป็นครู
ได้อย่างสมบูรณ์ โดยมองข้าม
เรื่องของเงินค่าจ้างไปเลย



อีกหนึ่งประโยคหนาหู 
ที่ทุกคนอาจรู้จักกันดี 

" เออ รอให้มีลูก ก็จะรู้ว่า
ความรัก ความเป็นห่วงที่แม่ มีต่อลูกๆ
มันเป็นยังไง " 
(เป็นคำพูดที่แม่ดิฉันเคยพรึมพรำเสมอๆ)
ทนเจ็บปวดยามคลอด 
อดทน อดหลับอดนอน คอยป้อนนมลูก
ลูกด่าว่า ไม่ถือสา
ลูกจะเลวจะร้าย 
แม่ก็ยังเป็นแม่  ที่รักลูก และให้อภัยเสมอ

และนั่น เป็นการอธิบายที่ต่อเนื่อง
ถึงความเป็นครู  
ได้มาเป็น "ครู " จึงเข้าใจเห็น

คุณสมบัติ ครบครัน คล้ายกับการเป็นแม่
เกือบทุกประการ  จึงมีคำกล่าวว่า

"ครู ก็เปรียบเสมือน พ่อ หรือแม่คนที่สอง " 

ซึ่งจริง ตรงที่สปิริต และความใส่ใจ 

ณ วันนี้ ต้องขอขอบคุณ ทุกช่วงเวลาที่ผ่าน
และทำให้ดิฉันได้เข้าใจความหมายของการเขียน
เรียงความ เรื่อง " คุณครูของฉัน " ได้มากขึ้น
กว่าในอดีตที่ผ่านมา 

เพื่อนๆผู้อ่าน คงได้เห็นบ้างแล้ว 
กับความเป็นครูของดิฉัน 
มันแค่น้อยนิด ส่วนหนึ่งเท่านั้น
เมื่อเทียบกับครู ในสถานะครู
อย่างจริงจังและวิชาการที่เปี่ยม
ไปด้วยความมุมานะ พยายาม
พวกเขาเหล่านั้น ต่างเสียสละ
มีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่
อย่างมากมาย
ดิฉันเชื่อว่า ครูทุกคน 
ภูมิใจในการทำหน้าที่
จากจิตใต้สำนึก ที่จะส่งลูกศิษย์
ข้ามไปข้างหน้าให้ถึงฝั่งฝัน 

ขอบคุณ
...พ่อ กับแม่ ที่เป็นครูคนแรกของลูก

ขอบคุณ 
...ครู อาจารย์(ทุกคน) ที่มีความรัก
ความเอาใจใส่ ห่วงใย ผลักดัน 
เป็น พ่อแม่คนที่สองของศิษย์

ขอบคุณ
......เจ้านายและเพื่อนร่วมงานทุกคน
ที่ได้มอบโอกาสที่สวยงาม 
นำดิฉัน เพิ่มความเข้าใจ 
ในการเป็นครู 

ขอบคุณ
......ลูกศิษย์ ทุกคน ที่เป็นแรงผลักดัน
ให้ดิฉันเป็นครูที่ต้องอดทน เสียสละ
ให้อภัย และมองพวกเขาเหมือนลูกหลาน

ขอบคุณ
...... เพื่อนผู้อ่านทุกท่าน ที่เสริมกำลังใจ
ให้ดิฉัน ได้เป็นนักเขียน ที่ใฝ่ปรับปรุงพัฒนา


ขอบคุณ
.....พระเจ้าที่ให้ลูก ได้เกิดปิติยินดี เต็มเปี่ยม
ในการดำเนินชีวิต และใฝ่เรียนรู้ 
ในหน้าที่ " ครู " 



พระเจ้าอวยพร


ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
http://teachermaykricy047.wordpress.com/page/2/






























ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วันนั้นถึงวันนี้ กับคำว่า "ดารา" ตอนที่ 1