ลดความอ้วน
ให้ได้ผลอย่างถูกวิธี
" อาทิตย์นี้ ฉันจะไม่กินข้าวทั้งอาทิตย์เลย คอยดู!! "
(พวกคาร์โบทั้งหลาย ไปไกลๆ )
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่กลับมาฟื้นตัว
เพื่อมาทำงานที่เรารักใหม่
แต่สำรวจตัวเอง " บวม ! หน้าบวม เอวหนา
สะโพกใหญ่ ต้นขา เบ้อเร่อ !! "
จากอะไร..?
ข้าวเหนียวไก่ทอด ปากซอย สุดยอดอร่อย
" ขอน่อง สอง ปีก สอง ตับทอดสอง
ข้าวเหนียว สี่ห่อ ค่ะพี่ "
ดิฉันกล่าวสั่ง
" ครับพี่ แป๊บนึงนะ จะเอาใหม่ๆร้อนๆให้นะ "
คนขายว่าไปก็ คนตะหลิวทอดไปพลาง
ขณะยืนรอ รถเมล์ถนนใหญ่ ก็จอดแช่
นำกลิ่นควันรถ มาคลุกเคล้ากับไก่เรานี่แหละ
" เฮ้อ.. ช่างเถอะ นานๆทานที ช่างมัน
คนอื่นเขาก็กินได้ เราจะเป็นไร "
" ทั้งหมด 80 เจ๊! "
(แหม๋ คิดในใจ เรียกเราเจ๊
เจ๊เธอน่ะสิ )
กลับเข้าบ้าน กินอย่างเมามัน
อืม อร่อยไม่สนใจใคร
กินอยู่คนเดียว ทำไมคนข้างๆเรา เขาไม่ค่อย
อยากจะกินด้วย
"ไม่กินด้วยกันเหรอ ก็ซื้้อมาเผื่อแล้ว "
(นึกในใจ ไม่กินก็ดี เราจะได้กินหมด )
นี่คือ
+++ข้อเสียแรก
ซื้อเผื่อ แล้วไม่มีใครกิน
เสียดายของ เลยต้องกินให้หมด
ขอบบรรยายคุณลักษณะคนข้างๆ
ที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเกือบทุกวัน
เกินไป และรู้สึกเรื่องมาก เอามาก
สำหรับเรา เพราะ
ถ้าเขาหลีกเลี่ยงได้
..++ไม่กินของทอด เพราะน้ำมันเยอะ ยิ่งร้านหน้าปากซอย
น้ำมันเก่า บางร้านก็โชคดี จะมีซักกี่ร้านที่เปลี่ยนน้ำมัน
ทอดและใช้อย่างถูกสุขลักษณะ
...++ไม่กินเผ็ด เพราะบอกเราทานเยอะ ไม่ดีต่อ
ระบบย่อย และตับ เผ็ดได้ เป็นการเรียกน้ำย่อย
แต่เผ็ดเกินและทุกมื้อ มันมีแต่จะไปทำลาย เฮ้อ...
(ยิ่งพูดยิ่งบ่น ยิ่งใส่เยอะๆเลย )
...++ไม่กินข้าว เยอะกว่ากับ
อาหารไทยส่วนใหญ่ เป็นอาหารประเภท
อาหารจานเดียว ข้าวจะเยอะกว่ากับจริงๆ
(กินไปบ่นไป ว่ากินแต่แป้ง อิ่ม คงมีประโยชน์หรอก )
......++ไม่กินแบบปรุงรส เติมน้ำปลา
เติมโน่นนี่ เพราะไปอร่อยกับรสชาด
ของซอสและสิ่งปรุงแต่ง
ไม่ใช่อาหารที่แท้จริง
(เรามันขาดไม่ได้ โดนเลี้ยงมาแบบนี้ตั้งแต่เด็ก
ยิ่งบ่น ยิ่งเติมเข้าไป )
..++ไม่กินขนมขบเคี้ยว เพราะบอกว่ามันแห้งและไป
ดูดน้ำในร่างกาย กินได้ แต่ต้องทานน้ำตามเยอะๆ
(อืมม น่าคิด)
....++ไม่ดื่มกาแฟ น้ำอัดลมถ้าเลี่ยงได้เลี่ยง
บอกไม่ดีต่อสุขภาพของเส้นเอ็น
( เฮ้อ..)
....... ++ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะ ไปทำลายตับ
( ก็ออกงาน หรือเบาๆแล้วกัน ไม่ได้ทุกวันซะหน่อย)
มันมากกว่านี้ค่ะเพื่อนผู้อ่าน
ดิฉันเคยเอาแต่นอน หิวก็นอน
ไม่หิวก็นอน เวลาหลับมันทำให้ไม่รู้สึกหิว
ถ้ารู้สึกก็ต้องทน พออาหารไม่ลงท้อง
จะรู้สึกเพลีย หมดแรง และทำให้นอนหลับได้เอง
เป็นอย่างนี้อยู่ หลายวัน
ทานแต่นม ไข่ เนื้อสัตว์
ผักผลไม้
พอสำเร็จ งานที่รับผิดชอบ ชิ้นนั้นจบ
กลับมาทานทุกอย่าง เหมือนเดิม
วนไปเวียนมา อย่างนี้ประจำ
รู้สึกลดง่ายดี เร็ว
คนข้างๆบอกอะไรก็ไม่ฟัง
เพราะขี้เกียจ และเสียเวลานาน
พอกลับมา กระหน่ำใหม่
มันทานมากขึ้นกว่าเดิม
น้ำหนักก่อนลด
65 กก. หลังลด 61 กก.
(ภายในอาทิตย์เดียว)
กลับมาทานใหม่ หลังจากงานเสร็จ
เพียงไม่กี่วัน น้ำหนักเพิ่มมา 63 กก.
แต่รู้สึกว่า ดูอวบอั่นกว่า ตอนหนัก 65 กก.
โอ้ย แม่เจ้า... ทำไมเป็นอย่างนี้
งานเข้า ใช้วิธีเดิม ลดใหม่
เริ่มที่ 63 กก. ไปที่ 59 กก.
งานเสร็จ ทานใหม่
เพิ่มมาอีกเพียงระยะเวลาสั้นๆ
ไปที่ 63 กก. อีกแล้ว
มันทำให้เราวิจัยตัวเองได้ว่า
การอดอาหาร เมื่อกลับมาทานใหม่
มันทำให้ร่างกายโหยหา
และต้องการมากกว่าเดิม
เกินความจำเป็นไปซะแล้ว
เลยลองหันมาฟังคนข้างๆบ้าง
(นักกีฬาเก่า รักสุขภาพยิ่งกว่าอะไร)
แต่จะให้ตามซะทุกอย่างคงเป็นไปได้ยาก
มันยากนะ ว่ามั้ย
เลยปรับใช้บ้างแล้วกัน คละกันไป
เริ่มจาก
+++มื้อเช้าสำคัญ
ต้องทานให้มาก
เน้น คาร์โบไฮเดรด อะไรก็ได้
ขนมปัง ข้าวง่ายๆ เป็นหลักใหญ่
แต่จะทานหลังจากกิจกรรม
ดังต่อไปนี้
ให้ไปเดินรอบสวน
ตอนนั้นอยู่ซอย สุขุมวิท 24
เดินจากที่พักไปสวนเบญจกิติ
" คุณต้องเริ่มจากการเดินก่อน ห้ามวิ่ง "
คนข้างๆสั่ง
" โอเค " ตอบด้วยความมุมานะ
(ฉันจะลดความอ้วนอย่างถูกวิธี )
ซักพัก
" แป๊บ หยุดก่อน ปวดท้องตรงเอวข้างขวา "
ดิฉันบ่น
" ก็คุณไม่หายใจให้ถูกหลัก "
ตอบกลับ
ดิฉันก็ถามงงๆ
"ยังไง "
" เวลาที่คุณเดิน หรือออกกำลังกาย
ร่างกายจะต้องการออกซิเจนมากกว่าปกติ
ให้ลองสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สองครั้ง และ
ปล่อยออก แค่ครั้งเดียว พร้อมยัง "
ดิฉันก็ตอบว่า " เคๆ "
" เข้า 1..2 ...ออก... เข้า 1..2....ออก.... "
ทำไปเดินไป
(เฮ้ย ดีขึ้นจริงด้วย หายปวดท้องเลย)
จากเดินช้าๆ วันละไม่กี่รอบ
ก็เพิ่มรอบขึ้นเรื่อยๆ และเร็วขึ้น
แต่ก็ยังห้ามไม่ให้วิ่ง
จน เข้าที่อยูเป็นเดือน
และห้ามเดินมากกว่าขีดจำกัด
ของสมดุลน้ำหนักร่างกายที่เรามี
ไปกว่านั้น จะส่งผลเสีย
จะเดิน จะวิ่ง จะออกกำลังกาย
คำนวนน้ำหนัก ระยะเวลา และความเร็ว
ให้เราเสร็จสรรพ
มันได้ผลจน อยากบอกต่อ ทำไงดี
เลยเริ่มนับ ว่าเราเดินที่สวนนี้ กี่ก้าว ในทุกวัน
นับได้ที่ 1 รอบนั้น เราก้าวเท้าเดินได้ 999 ก้าว
มาหยุดที่ขีดจำกัดจากการคำนวน ที่วันละ
10 รอบ เพียงพอ
การออกกำลังกายอย่างอื่น เลยแทบไม่ได้แตะ
การเดิน ถึงการเดินเร็ว (ถ้าไม่แข็งแรงพออย่าเพิ่งวิ่ง
จะมีผลต่อการเต้นของหัวใจ และกระดูกหัวเข่าของคุณ )
เป็นการออกกำลังกายที่ประหยัด และได้ผลที่สุดเท่าที่ดิฉัน
ทราบมา
อาทิตย์แรก ปวดขา ร้าวถึงสะโพก เพราะไม่เคยเป็นจริงเป็นจัง
แต่ห้ามหยุด มันเป็นธรรมดา
จากนั้น สองอาทิตย์ จะหายไปเอง
กลับมาที่พัก ใหม่ๆ อย่าพิ่งทานอะไรเลย พักซักนิด
อย่าลืม ยืดกล้ามเนื้อขา และเอ็นหลังจากการเดินทุกครั้ง
ดิฉันใช้วิธี เอามือจับที่ปลายเท้า แล้ว
พับไปด้านหลังขณะยืน หนึ่ง
และสอง หาขอบฟุตบาท เอาปลายเท้ายืนตรงจุดที่สูงกว่า
และส้นไว้พื้นด้านล่าง ทั้งสองข้าง
แล้วโน้มตัวช้าๆมาด้านหน้า ค้างไว้ นับ 1 -10
+++มื้อกลางวัน ก็อยากทานอะไรก็ทาน ขนมเค้ก
ไอครีม ช๊อคโกแล็ค ทานไปเถอะค่ะ ร่างกายต้องการ
อยู่บ้าง แต่นิดหน่อยนะคะ ซักชิ้น สองชิ้นพอ
+++ตกมื้อเย็น ก็ให้งดคาร์โบไฮเดรตทุกชนิด
แต่ยังทานเนื้อ นม ไข่ ผักผลไม้ได้ ปกติ
แต่
+++ห้ามของทอดในมื้อเย็น (ถ้าหลีกเลี่ยงได้)
น้ำมันจะไปฝังตัวในหลอดเลือดและอยู่กับเรา
ทำให้ดูตัวบวมๆ หรือเนื้อบวมๆนิ่มๆ
บางคนผอม แต่หน้าบวม น่าจะเคยเห็น
ดิฉันเคยเป็นค่ะ
หลังจากที่ได้นำความเคร่งครัดของคนข้างๆ
มาปรับใช้ดูแล้ว ทำให้ดิฉันเห็นได้ชัดกว่าที่ผ่านมา
ว่า
อาหารการกิน เป็นตัวกำหนดเรื่องของ โรคอ้วน
หรือคนที่อวบอั๋น ได้มากจริงๆ
ถ้าคุณทานอาหารได้อย่างถูกต้อง
ตามสูตรนี้
เรื่องเวลาในการออกกำลังกาย
เป็นเรื่องรองไปเลย
+++กล้ามเนื้อกระชับขึ้น เพราะคุณเพิ่มโปรตีนมากกว่าเดิม
+++พุงลดลง เพราะไม่ทานอาหารพวกแป้งมากในมื้อเย็น
มันจะไปสะสมเพราะทานแล้ว คาร์โบไฮเดรด ไม่ได้นำมาใช่
ทานแล้วนอน ก็ลงพุง
ยิ่งกว่านั้น
+++การดื่มแอลกอฮอล์ บ่อยๆ ลงพุงแน่นอนค่ะ
+++ทานอาหารรสจัด ทำให้เราอยากจะทานอย่างอื่นเพิ่มขึ้น
ตามตัว
+++ทานเค็มไป ไตทำงานหนัก
ส่งผลใต้ตามีรอยคล้ำ
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และตับทำงานหนัก
ส่งผลภายนอก ทำให้ผิวกายของคุณ
มีสีเหลืองมากขึ้้น
มื้อแรกสำคัญก็ยังสำคัญอยู่วันยังค่ำ
จะมีซักกี่คนที่ให้ความสำคัญกับมัน
ด้วยเวลาและหน้าที่การงาน เข้าใจค่ะ
ขอให้พยายามนะคะ
บางครั้ง ความอยากทาน
และตัวขี้เกียจในเรื่องพวกนี้
มันมาเยือนบ่อยๆ
ต้องสู้กับมัน
อย่าลืม สำคัญอีกเรื่อง
ต้องมีคนแนะนำและศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วน
ทุกคนทุกวัย คงจะให้ใช้สูตรเดียว เป๊ะๆ
คงไม่ใช่
หาข้อมูลคำนวน เรื่องอายุ ให้สัมพันธ์
กับน้ำหนัก และความเร็ว จะเป็นการออกกำลังกาย
ที่ถูกหลักการ ไม่น้อยไป จนไม่เห็นผล
และไม่มากไปจนเกิดผลเสีย
ให้พอดีพอควร แต่ถ้าไม่แน่ใจ
เข้าหาผู้เชี่ยวชาญ
ใครอยากทราบและให้ช่วยชี้แนะ
ปรึกษา
ยินดีค่ะ
จะให้คนข้างๆ ช่วยคำนวนให้ ;)
ขอให้ทุกคนมีสุขภาพดี
และสำเร็จกับการลดน้ำหนัก
อีกหนึ่งสูตรที่ไม่ทำร้ายตัวเองนะคะ
อีกส่วน จากประสบการณ์จริง
ของตนเอง ที่อยากบอกต่อ
พระเจ้าอวยพระพร
ให้ได้ผลอย่างถูกวิธี
" อาทิตย์นี้ ฉันจะไม่กินข้าวทั้งอาทิตย์เลย คอยดู!! "
(พวกคาร์โบทั้งหลาย ไปไกลๆ )
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่กลับมาฟื้นตัว
เพื่อมาทำงานที่เรารักใหม่
แต่สำรวจตัวเอง " บวม ! หน้าบวม เอวหนา
สะโพกใหญ่ ต้นขา เบ้อเร่อ !! "
จากอะไร..?
ข้าวเหนียวไก่ทอด ปากซอย สุดยอดอร่อย
" ขอน่อง สอง ปีก สอง ตับทอดสอง
ข้าวเหนียว สี่ห่อ ค่ะพี่ "
ดิฉันกล่าวสั่ง
" ครับพี่ แป๊บนึงนะ จะเอาใหม่ๆร้อนๆให้นะ "
คนขายว่าไปก็ คนตะหลิวทอดไปพลาง
ขณะยืนรอ รถเมล์ถนนใหญ่ ก็จอดแช่
นำกลิ่นควันรถ มาคลุกเคล้ากับไก่เรานี่แหละ
" เฮ้อ.. ช่างเถอะ นานๆทานที ช่างมัน
คนอื่นเขาก็กินได้ เราจะเป็นไร "
" ทั้งหมด 80 เจ๊! "
(แหม๋ คิดในใจ เรียกเราเจ๊
เจ๊เธอน่ะสิ )
กลับเข้าบ้าน กินอย่างเมามัน
อืม อร่อยไม่สนใจใคร
กินอยู่คนเดียว ทำไมคนข้างๆเรา เขาไม่ค่อย
อยากจะกินด้วย
"ไม่กินด้วยกันเหรอ ก็ซื้้อมาเผื่อแล้ว "
(นึกในใจ ไม่กินก็ดี เราจะได้กินหมด )
นี่คือ
+++ข้อเสียแรก
ซื้อเผื่อ แล้วไม่มีใครกิน
เสียดายของ เลยต้องกินให้หมด
ขอบบรรยายคุณลักษณะคนข้างๆ
ที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเกือบทุกวัน
เกินไป และรู้สึกเรื่องมาก เอามาก
สำหรับเรา เพราะ
ถ้าเขาหลีกเลี่ยงได้
..++ไม่กินของทอด เพราะน้ำมันเยอะ ยิ่งร้านหน้าปากซอย
น้ำมันเก่า บางร้านก็โชคดี จะมีซักกี่ร้านที่เปลี่ยนน้ำมัน
ทอดและใช้อย่างถูกสุขลักษณะ
...++ไม่กินเผ็ด เพราะบอกเราทานเยอะ ไม่ดีต่อ
ระบบย่อย และตับ เผ็ดได้ เป็นการเรียกน้ำย่อย
แต่เผ็ดเกินและทุกมื้อ มันมีแต่จะไปทำลาย เฮ้อ...
(ยิ่งพูดยิ่งบ่น ยิ่งใส่เยอะๆเลย )
...++ไม่กินข้าว เยอะกว่ากับ
อาหารไทยส่วนใหญ่ เป็นอาหารประเภท
อาหารจานเดียว ข้าวจะเยอะกว่ากับจริงๆ
(กินไปบ่นไป ว่ากินแต่แป้ง อิ่ม คงมีประโยชน์หรอก )
......++ไม่กินแบบปรุงรส เติมน้ำปลา
เติมโน่นนี่ เพราะไปอร่อยกับรสชาด
ของซอสและสิ่งปรุงแต่ง
ไม่ใช่อาหารที่แท้จริง
(เรามันขาดไม่ได้ โดนเลี้ยงมาแบบนี้ตั้งแต่เด็ก
ยิ่งบ่น ยิ่งเติมเข้าไป )
..++ไม่กินขนมขบเคี้ยว เพราะบอกว่ามันแห้งและไป
ดูดน้ำในร่างกาย กินได้ แต่ต้องทานน้ำตามเยอะๆ
(อืมม น่าคิด)
....++ไม่ดื่มกาแฟ น้ำอัดลมถ้าเลี่ยงได้เลี่ยง
บอกไม่ดีต่อสุขภาพของเส้นเอ็น
( เฮ้อ..)
....... ++ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะ ไปทำลายตับ
( ก็ออกงาน หรือเบาๆแล้วกัน ไม่ได้ทุกวันซะหน่อย)
มันมากกว่านี้ค่ะเพื่อนผู้อ่าน
ดิฉันเคยเอาแต่นอน หิวก็นอน
ไม่หิวก็นอน เวลาหลับมันทำให้ไม่รู้สึกหิว
ถ้ารู้สึกก็ต้องทน พออาหารไม่ลงท้อง
จะรู้สึกเพลีย หมดแรง และทำให้นอนหลับได้เอง
เป็นอย่างนี้อยู่ หลายวัน
ทานแต่นม ไข่ เนื้อสัตว์
ผักผลไม้
พอสำเร็จ งานที่รับผิดชอบ ชิ้นนั้นจบ
กลับมาทานทุกอย่าง เหมือนเดิม
วนไปเวียนมา อย่างนี้ประจำ
รู้สึกลดง่ายดี เร็ว
คนข้างๆบอกอะไรก็ไม่ฟัง
เพราะขี้เกียจ และเสียเวลานาน
พอกลับมา กระหน่ำใหม่
มันทานมากขึ้นกว่าเดิม
น้ำหนักก่อนลด
65 กก. หลังลด 61 กก.
(ภายในอาทิตย์เดียว)
กลับมาทานใหม่ หลังจากงานเสร็จ
เพียงไม่กี่วัน น้ำหนักเพิ่มมา 63 กก.
แต่รู้สึกว่า ดูอวบอั่นกว่า ตอนหนัก 65 กก.
โอ้ย แม่เจ้า... ทำไมเป็นอย่างนี้
งานเข้า ใช้วิธีเดิม ลดใหม่
เริ่มที่ 63 กก. ไปที่ 59 กก.
งานเสร็จ ทานใหม่
เพิ่มมาอีกเพียงระยะเวลาสั้นๆ
ไปที่ 63 กก. อีกแล้ว
มันทำให้เราวิจัยตัวเองได้ว่า
การอดอาหาร เมื่อกลับมาทานใหม่
มันทำให้ร่างกายโหยหา
และต้องการมากกว่าเดิม
เกินความจำเป็นไปซะแล้ว
เลยลองหันมาฟังคนข้างๆบ้าง
(นักกีฬาเก่า รักสุขภาพยิ่งกว่าอะไร)
แต่จะให้ตามซะทุกอย่างคงเป็นไปได้ยาก
มันยากนะ ว่ามั้ย
เลยปรับใช้บ้างแล้วกัน คละกันไป
เริ่มจาก
+++มื้อเช้าสำคัญ
ต้องทานให้มาก
เน้น คาร์โบไฮเดรด อะไรก็ได้
ขนมปัง ข้าวง่ายๆ เป็นหลักใหญ่
แต่จะทานหลังจากกิจกรรม
ดังต่อไปนี้
ให้ไปเดินรอบสวน
ตอนนั้นอยู่ซอย สุขุมวิท 24
เดินจากที่พักไปสวนเบญจกิติ
" คุณต้องเริ่มจากการเดินก่อน ห้ามวิ่ง "
คนข้างๆสั่ง
" โอเค " ตอบด้วยความมุมานะ
(ฉันจะลดความอ้วนอย่างถูกวิธี )
ซักพัก
" แป๊บ หยุดก่อน ปวดท้องตรงเอวข้างขวา "
ดิฉันบ่น
" ก็คุณไม่หายใจให้ถูกหลัก "
ตอบกลับ
ดิฉันก็ถามงงๆ
"ยังไง "
" เวลาที่คุณเดิน หรือออกกำลังกาย
ร่างกายจะต้องการออกซิเจนมากกว่าปกติ
ให้ลองสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สองครั้ง และ
ปล่อยออก แค่ครั้งเดียว พร้อมยัง "
ดิฉันก็ตอบว่า " เคๆ "
" เข้า 1..2 ...ออก... เข้า 1..2....ออก.... "
ทำไปเดินไป
(เฮ้ย ดีขึ้นจริงด้วย หายปวดท้องเลย)
จากเดินช้าๆ วันละไม่กี่รอบ
ก็เพิ่มรอบขึ้นเรื่อยๆ และเร็วขึ้น
แต่ก็ยังห้ามไม่ให้วิ่ง
จน เข้าที่อยูเป็นเดือน
และห้ามเดินมากกว่าขีดจำกัด
ของสมดุลน้ำหนักร่างกายที่เรามี
ไปกว่านั้น จะส่งผลเสีย
จะเดิน จะวิ่ง จะออกกำลังกาย
คำนวนน้ำหนัก ระยะเวลา และความเร็ว
ให้เราเสร็จสรรพ
มันได้ผลจน อยากบอกต่อ ทำไงดี
เลยเริ่มนับ ว่าเราเดินที่สวนนี้ กี่ก้าว ในทุกวัน
นับได้ที่ 1 รอบนั้น เราก้าวเท้าเดินได้ 999 ก้าว
มาหยุดที่ขีดจำกัดจากการคำนวน ที่วันละ
10 รอบ เพียงพอ
การออกกำลังกายอย่างอื่น เลยแทบไม่ได้แตะ
การเดิน ถึงการเดินเร็ว (ถ้าไม่แข็งแรงพออย่าเพิ่งวิ่ง
จะมีผลต่อการเต้นของหัวใจ และกระดูกหัวเข่าของคุณ )
เป็นการออกกำลังกายที่ประหยัด และได้ผลที่สุดเท่าที่ดิฉัน
ทราบมา
อาทิตย์แรก ปวดขา ร้าวถึงสะโพก เพราะไม่เคยเป็นจริงเป็นจัง
แต่ห้ามหยุด มันเป็นธรรมดา
จากนั้น สองอาทิตย์ จะหายไปเอง
กลับมาที่พัก ใหม่ๆ อย่าพิ่งทานอะไรเลย พักซักนิด
อย่าลืม ยืดกล้ามเนื้อขา และเอ็นหลังจากการเดินทุกครั้ง
ดิฉันใช้วิธี เอามือจับที่ปลายเท้า แล้ว
พับไปด้านหลังขณะยืน หนึ่ง
และสอง หาขอบฟุตบาท เอาปลายเท้ายืนตรงจุดที่สูงกว่า
และส้นไว้พื้นด้านล่าง ทั้งสองข้าง
แล้วโน้มตัวช้าๆมาด้านหน้า ค้างไว้ นับ 1 -10
+++มื้อกลางวัน ก็อยากทานอะไรก็ทาน ขนมเค้ก
ไอครีม ช๊อคโกแล็ค ทานไปเถอะค่ะ ร่างกายต้องการ
อยู่บ้าง แต่นิดหน่อยนะคะ ซักชิ้น สองชิ้นพอ
+++ตกมื้อเย็น ก็ให้งดคาร์โบไฮเดรตทุกชนิด
แต่ยังทานเนื้อ นม ไข่ ผักผลไม้ได้ ปกติ
แต่
+++ห้ามของทอดในมื้อเย็น (ถ้าหลีกเลี่ยงได้)
น้ำมันจะไปฝังตัวในหลอดเลือดและอยู่กับเรา
ทำให้ดูตัวบวมๆ หรือเนื้อบวมๆนิ่มๆ
บางคนผอม แต่หน้าบวม น่าจะเคยเห็น
ดิฉันเคยเป็นค่ะ
หลังจากที่ได้นำความเคร่งครัดของคนข้างๆ
มาปรับใช้ดูแล้ว ทำให้ดิฉันเห็นได้ชัดกว่าที่ผ่านมา
ว่า
อาหารการกิน เป็นตัวกำหนดเรื่องของ โรคอ้วน
หรือคนที่อวบอั๋น ได้มากจริงๆ
ถ้าคุณทานอาหารได้อย่างถูกต้อง
ตามสูตรนี้
เรื่องเวลาในการออกกำลังกาย
เป็นเรื่องรองไปเลย
+++กล้ามเนื้อกระชับขึ้น เพราะคุณเพิ่มโปรตีนมากกว่าเดิม
+++พุงลดลง เพราะไม่ทานอาหารพวกแป้งมากในมื้อเย็น
มันจะไปสะสมเพราะทานแล้ว คาร์โบไฮเดรด ไม่ได้นำมาใช่
ทานแล้วนอน ก็ลงพุง
ยิ่งกว่านั้น
+++การดื่มแอลกอฮอล์ บ่อยๆ ลงพุงแน่นอนค่ะ
+++ทานอาหารรสจัด ทำให้เราอยากจะทานอย่างอื่นเพิ่มขึ้น
ตามตัว
+++ทานเค็มไป ไตทำงานหนัก
ส่งผลใต้ตามีรอยคล้ำ
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และตับทำงานหนัก
ส่งผลภายนอก ทำให้ผิวกายของคุณ
มีสีเหลืองมากขึ้้น
มื้อแรกสำคัญก็ยังสำคัญอยู่วันยังค่ำ
จะมีซักกี่คนที่ให้ความสำคัญกับมัน
ด้วยเวลาและหน้าที่การงาน เข้าใจค่ะ
ขอให้พยายามนะคะ
บางครั้ง ความอยากทาน
และตัวขี้เกียจในเรื่องพวกนี้
มันมาเยือนบ่อยๆ
ต้องสู้กับมัน
อย่าลืม สำคัญอีกเรื่อง
ต้องมีคนแนะนำและศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วน
ทุกคนทุกวัย คงจะให้ใช้สูตรเดียว เป๊ะๆ
คงไม่ใช่
หาข้อมูลคำนวน เรื่องอายุ ให้สัมพันธ์
กับน้ำหนัก และความเร็ว จะเป็นการออกกำลังกาย
ที่ถูกหลักการ ไม่น้อยไป จนไม่เห็นผล
และไม่มากไปจนเกิดผลเสีย
ให้พอดีพอควร แต่ถ้าไม่แน่ใจ
เข้าหาผู้เชี่ยวชาญ
ใครอยากทราบและให้ช่วยชี้แนะ
ปรึกษา
ยินดีค่ะ
จะให้คนข้างๆ ช่วยคำนวนให้ ;)
ขอให้ทุกคนมีสุขภาพดี
และสำเร็จกับการลดน้ำหนัก
อีกหนึ่งสูตรที่ไม่ทำร้ายตัวเองนะคะ
อีกส่วน จากประสบการณ์จริง
ของตนเอง ที่อยากบอกต่อ
พระเจ้าอวยพระพร

ความคิดเห็น